เวลาเดินห้าง it เราเริ่มจะเห็นเมาส์ไร้สายมากขึ้น
และหลายรุ่นก็มีราคาที่พอคบหาได้สะดวกกว่าที่เคยเป็น
และ Targus ก็เป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจสำหรับเมาส์ไร้สาย
ส่วนจะเป็นเทคโนโลยีอะไร มาแกะกล่องลองดูกันครับ
เมาส์ตัวที่ผมได้มาทดสอบนั้น คือ Targus Blue Trace
คุณสมบัติของเจ้าเมาส์ตัวนี้คือ
– ใช้ได้กับ PC / MAC / Netbook
– 2.4 Wireless Technology ทำให้ใช้งานได้จากระยะไกลได้ดีขึ้น
– แบตเตอรี่ใช้ได้นาน 12 เดือน
– High-Defination Blue Trace Sensor
การเปิดฝาใส่ถ่านก็ง่ายๆ แบบนี้ล่ะครับ
เปิดที่ร่องด้านหลังนี่แหล่ะ งัดฝามันขึ้นมาไม่ได้มีอะไรซับซ้อนครับ
ผู้ใช้ก็แค่ใส่ถ่านอัลคาไลน์ขนาด AA ที่มีอยู่ในห่อลงไปแค่นั้นเอง
ซึ่งในห่อเค้าแถมของ Energizer ผู้ผลิตเค้าเคลมมาว่าใช้ได้นานสุงสุด 12 เดือน
แต่ตัวสลักนี่ต้องระมัดระวังในการดึงนิดนึง ดึงแรงไปกลัวมันจะขาดคามืออยู่
บั้งด้านข้างนี่..จะมองว่ามันเป็นดีไซน์ก็พอได้นะครับ
แต่พอลองจับใช้ไปสักพัก เออ..มันก็กระชับนิ้วโป้งดีนะ
พอดีผมเอาไปใช้ทำงานกราฟฟิค เลยต้องการเมาส์ที่ เข้ามือนิดนึง
เมื่อพลิกมาด้านใต้ สังเกตุมั้ยครับว่า ตรงส่วนที่เป็นจุดลำแสงนั้นเห็นเป็นแสงสีน้ำเงิน
ที่อยู่ใต้เมาส์ นั่นล่ะที่มาของคำว่า Blue Trace
สิ่งนี้ไม่ได้มีไว้เก๋ๆ แต่มีสิ่งที่เป็นนวัตกรรมของเจ้าเมาส์อยู่ในนั้นครับ
คือหัวใจของการใช้งาน Optical Mouse คือ ความแม่นยำในการทำงานบนสภาพพื้นผิวต่างๆ
เช่น บนผิวไม้ บนก้อนหิน หรือแม้กระทั่งบนพรม
แต่ไม่สามารถใช้บนกระจก หรือพื้นผิวที่มีเงาสะท้อนบางประเภทได้นะครับ
แล้วแสงสีฟ้าใต้เมาส์ มันต่างกับแสงสีแดงบนเมาส์ทั่วไปยังไงล่ะ
หลายคนคงมีคำถามแบบนี้แว้บๆขึ้นมาบ้างล่ะ
ผู้ผลิตเค้าบอกมาแบบนี้ว่า LED คลื่นสีน้ำเงินเป้นคลื่นสั้นกว่า LED สีแดง
ซึ่งทำให้การเก็บรายรายละเอียดกับพื้นผิวที่ใช้งานได้ดีกว่า ซึ่งทำให้ประสบการณ์ใช้งานเมาส์ดีขึ้น
ช่วงที่ผมลองครั้งแรก..ก็แอบอุทานอยู่ในใจ
คือมันจะลื่นไปมั้ย จะลื่นไปไหน
เมื่อเทียบกับ Mouse Optical แบบที่ขายๆ ทั่วไปตัวละ 400-500 ที่ผมใช้อยู่ประจำ
ซึ่งผมลองบนโต๊ะทำงานตามออฟฟิศนี่ล่ะครับ ไม่ได้ใช้ที่รองเมาส์แพงๆอะไร
ผมต้องใช้เวลาปรับตัวกับเจ้า Targus Blue Trace อยู่ร่วมๆ 20 นาทีถึงจะชินมือ
ด้วยความอยากให้มันหนืดมือลงมานิด
ผมเลยจับวาง Targus Blue Trace บนซองโน๊ตบุ๊คแบบมีหลุมเล็กๆ ถี่ๆ เหมือน
ที่วางขายใน Tesco Lotus อันละไม่ถึง 100
ถือเป็นการทดสอบเรื่องพื้นผิวไปในตัว..เพราะผิวมันไม่เรียบ
โอเค..Targus Blue Trace หนืดขึ้น วิ่งสบายมือมาก
เท่าที่ผมลองใช้ทำงานกับโปรแกรมวาดภาพพวก Vector หรือว่า Retouching ที่ใช้ความแม่นอยู่ร่วมหนึ่งอาทิตย์
ก็ถือว่าสอบผ่านทำงานได้ดี ถึงผมจะไม่คาดหวังกับมันมาตั้งแต่ต้นก็เถอะ
ถือว่าทำได้ดีน่าพอใจครับ จริงๆ เขาก็ไม่ได้ออกมาแบบเพื่องานแบบนั้นซะทีเดียว
เพราะคนซื้อเมาส์ไร้สายคงเอาไปใช้งานทั่วไปมากกว่า แต่ผมทะลึ่งไปลองเอง 🙂
แต่ผมไม่ลองกับเกมนะครับ..เพราะถ้าเน้นไปเล่นเกม
ผมว่าซื้อเมาส์เฉพาะทางแบบนั้นน่าจะเหมาะกว่า เพราะของมันไม่ได้ออกแบบมาใช้งานหนักๆแบบนั้น
ตัวรับสัญญาณก็เสียบเข้าช่อง USB กับคอมพิวเตอร์แบบนี้ล่ะครับ
ผมทดสอบกับ Winndow Vista เสียบปุึ๊บ เห็นปั๊บไม่ต้องลงอะไรเพิ่ม
ในส่วนตัวรับสัญญาณนั้น ตัวมันจิ๋วๆ คนที่ไม่เคยใช้เมาส์ไว้สายแบบผมคงนั่งนึก
แล้วจะเก็บจะรักษาตัวรับสัญญาณยังไง ในเมื่อตัวมันจิ๋วขนาดนั้น
ของผมใช้วิธียัดใส่ใต้ฝาครอบเมาส์ครับ..วางดีๆมันจะใส่ได้เป๊ะเลย
อ่อ..ถ้าไม่ใช้งานแล้วก็เลื่อนสวิตช์ไปที่ OFF นะครับ เพื่อการประหยัดถ่าน
เท่าที่ลองเดินสำรวจดูในตลาด ถึงแบรนด์ของ Targus จะเป็นที่รู้จักพอสมควร
และคนทั่วไปต้องนึกไปก่อนว่า ราคามันต้องแพงแน่ๆ
แต่ราคาของ Targus Blue Trace ก็ไม่ถูก ไม่แพงไปกว่าเจ้าอื่นหรอกครับ
สนนราคาของเมาส์ไร้สายตัวนี้อยู่ที่ 8xx บาท ประกัน 3 ปี
ถ้าสนใจอยากเห็นตัวเป็นๆ ก็ลองแวะกันดูได้แถวห้าง it ชั้นนำนะครับ 🙂
ขอบคุณทาง SiS Distribution ที่เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ในการทดสอบครับ