ดูเหมือนจะเป็นยุคที่เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหลายโดยเฉพาะสมาร์ททีวีต้องมีระบบปฎิบัติการของตัวเอง
เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสั่งงาน และโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ยืดหยุ่นมากกว่าที่เคย
ทีวีก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อ LG กำลังผลักดันทีวีอัจฉริยะที่เรียกว่าที่เป็นสมาร์ททีวีพร้อมระบบปฏิบัติการ webOS
ที่มาของ WebOS
ก่อน LG จะนำ webOS มาใช้กับทีวีของตัวเองนั้น
ต้องย้อนกลับไปไปที่ปี 2009 เนื่องจาก Palm เป็นผู้ให้กำเนิด OS ตัวนี้ขึ้นมา ในชื่อ Palm webOS
โดยอุปกรณ์ตัวแรกที่ใช้ webOS นั่นคือ Palm Pre และตามมาด้วย Palm pixi
หลายคนมองว่าเป็น OS ที่ดีตัวนึงแต่เสียงตอบรับในเวลานั้น ไม่ทำให้ Palm อยู่ในสภาวะพ้นจากการจมน้ำ
จนปี 2010 ค่าย HP ได้เข้าซื้อ Palm ด้วยเงิน 1.2 พันล้านดอลลาห์สหรัฐ
ทำให้ webOS ไปอยู่ในมือของ HP และมีการพัฒนาลงสู่แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน
จากนั้น ก็มีการพัฒนามาในระดับหนึ่ง โดยไปอยู่ที่อุปกรณ์ อาทิ HP Touch Pad , HP Veer และ HP Pre 3
แต่ดูเหมือนประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยรอบสอง HP ก็ประกาศขาย HP Touch Pad ในราคาเททิ้งคือ $99
ชะตากรรมของ webOS เพื่อให้มันมีลมหายใจต่อไป เลยประกาศให้มันเป็น Open Source ในปี 2012
LG ทำ webOS TV ออกมาใช้งานคำสั่งบนจอยากง่ายแค่ไหน
ถ้าคุณเล่นคอมพิวเตอร์ เล่นอุปกรณ์ it ผ่านมือมาระดับนึงบ้าง จะบอกว่าไม่ต้องเปิดคู่มือยังได้
ใช้เมาส์กับคีย์บอร์ดควบคุมง่ายกว่ารีโมทเยอะครับ แต่แอลจีสมาร์ททีวีก็มีเมจิกรีโมทที่สั่งงานได้ง่ายเสมือนเมาส์ไร้สาย
ลองดูจากวิวัฒนาการของรีโมทไร้สายดูก่อนครับ
คือ LG ใช่ว่าเพิ่งจะมาทำ Smart TV แต่ทำมาอย่างต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว
จุดเปลี่ยนจริงๆของ LG Smart TV คือยกเอารูปแบบบริการของ ipTV แบบเดิม
แต่ตัด Settop Box ที่เกะกะทิ้งไป แล้วใช้การต่อ wifi ในตัวทีวีเอง
ถ้าคุณเคยใช้อุปกรณ์ไร้สายอย่างโทรศัพท์มือถือ หรือว่าแท็บเล็ตเชื่อต่อกับ WiFi ในบ้าน นี่ก็ทำงานแบบเดียวกัน
ก่อนจะมีการนำ webOS มาใช้ LG ก็มี Smart TV ที่ใช้ระบบปฏิบัติ Netcast มาก่อนครับ
LG แถลงเกี่ยวกับภาพรวมตลาดทีวีในไทยแบบนี้ครับ
ในไตรมาสที่ 2 ตลาดโตขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากดิจิทัลทีวี และฟุตบอลโลก และคาดว่าจะโตขึ้นอีก 5% ในไตรมาสที่ 4
ซึ่งอันนี้ผมก็มองในทิศทางเดียวกัน
น่าจะด้วยปัจจัยต่อเนื่องจากความพร้อมเรื่องของทีวีดิจิทัล
LG เอาจริงกับตลาด Smart TV แค่ไหน อันนี้คงเป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้
จากที่ผมเดินไปสัมภาษณ์มาเอง 70% ของจำนวนรุ่นที่วางขายในตลาดระยะต่อไปจะเป็น Smart TV ทั้งหมด
ซึ่ง LG ก็ประมาณการณ์ว่าน่าจะโตขึ้นถึง 30%
พันธมิตรทางเนื้อหาหรือคอนเทนต์ของ LG Smart TV มีใครบ้าง
เอาที่คุ้นๆ ในไทย ก็จะมี Mthai , Nation ,M Thai Cartoon Club ,You2Play , CTH , Major Cineplex, Channel 3
, Voice TV , Zab Movie และอีกหลายรายครับ โดยรูปแบบการให้บริการจะมีทั้ง Live TV Streaming
คือดูทีวีสดแบบออนไลน์ และ VDO On Demand หรือบริการหนังสั่งได้ คิดค่าบริการแบบเหมาจ่ายรายวัน รายเดือน หรือว่ารายปี
จุดเปลี่ยนของ webOS ในมือของ LG
25 กุมภาพันธ์ 2013 ทาง HP ประกาศว่า LG Electronics คือผู้ถือลิขสิทธิ์ในการใช้งานกับ Smart TVรายถัดไป
และเมื่อ webOS มาอยู่ในมือของ LG ก็มีการออกแบบ UI เสียใหม่
โดยเน้นจุดเด่นคือ Simple Switching คือสลับการทำงานแบบง่ายๆ ระหว่างการใช้ทีวีกับหน้าแอพลิเคชั่น
หากจะเปลี่ยนจากแอพพลิเคชั่นนึ่งไปอีกแอพพลิเคชั่นหนึ่งก็ไปได้ทันทีไม่ต้องกลับไปที่หน้าหลักหรือหน้าโฮม
ทุกอย่างถูกควบคุมด้วยเมจิกรีโมท เพื่อสลับการทำงานแบบรายการโทรทัศน์ภาคปรกติ กับการใช้งาน IPTV
ถามตอบเกี่ยวกับ webOS ของ LG
– การอัพเกรด Software
สามารถทำได้แบบ Over The Air เหมือนกับโทรศัพท์ครับ
เพราะ LG รุ่นที่เป็น WebOS เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้
เพราะมีที่รับสัญญาณแบบ Wireless Lan ได้ในตัว
– webOS ของ LG เป็น Open Source หรือไม่
คำตอบคือไม่ครับ ส่วนที่เป็น Opensource จะเป็น open WebOS
– จะหาแอพลิเคชั่นเพิ่มได้ที่ไหน
ทาง LG พยายามสร้าง Eco System ของตัวเองครับ โดยจัดเตรียม Store เอาไว้
– มีนักพัฒนาไทยทำแอพพลิเคชั่นบน LG webOS บ้างหรือยัง
ทีวี LG ที่ขายในไทย บริการ Video On Demand ในไทยพ่วงมาแล้วครับ
– LG มีความตั้งใจผลักดันตลาด WebOS มากน้อยแค่ไหน
จากการแถลงข่าวล่าสุดในระดับ Global เมื่อต้นปี 2014 คือ
70% ของทีวีที่อออกรุ่นใหม่จะเป็น webOS ทั้งหมด โดยเริ่มจากตลาดอเมริกา ยุโรป และอื่นๆ
นอกจากนี้ยังได้พัฒนาคอนเทนต์สำหรับขึ้นบนแพลตฟอร์ท webOS อย่างต่อเนื่อง
– สนใจเป็นนักพัฒนา LG webOS เริ่มต้นที่ไหน
รายละเอียดตามนี้ครับ
http://developer.lge.com/webOSTV/
https://www.facebook.com/LGwebOS
รู้จักกับโทรทัศน์ Ultra HD ของ LG
“ทีวีแบบ 4K หายากจะตายไปราคาก็สูงไว้รอให้อยู่ระดับลูกค้าทั่วไปดีกว่า”
ประโยคนี้ผมได้ยินบ่อยในช่วงหลัง เวลาเราพูดถึง 4k
ซึ่งเราควรจะเรียกแบบสากลว่า Ultra HD มากกว่า
คืออุปกรณ์หลายๆตัวที่สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวก็มาก็กันแล้วนะครับ
ฉะนั้นอย่าแปลกใจที่วงการโทรทัศน์เริ่มจะเขยิบกันมาเช่นเดียวกัน
แล้วโทรทัศน์แบบความละเอียดสูงระดับ Ultra HD ต่างอะไรจาก Full HD
ผมเรียกว่ามันเป็น “ขั้นกว่า” ก็แล้วกัน
ความละเอียดระดับ Full HD อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล
แต่ Ultra HD อยู่ที่ 7680 × 4320 พิกเซล คิดคร่าวๆก็ห่างกัน 4 เท่า
โทรทัศน์ Ultra HD ราคาแพงจริงหรือ
ถ้าอ้างอิงราคาจากหน้านี้ http://www.lg.com/th/tv/ultra-hd-tv
ตัว Ultra HD TV ราคาเริ่มต้นที่ 39,000 บาท สำหรับรุ่น Smart LED TV ธรรมดา
แต่ถ้าเขยิบไป webOS ที่รองรับ Ultrd HD ก็ต้องเขยิบไปที่รุ่น 49 นิ้ว
ตีกลมๆ ก็เท่าโน๊ตบุ๊คแรงๆเครื่องนึงนั่นล่ะ ไม่ได้ได้ราคาเป็นแสนเหมือนที่คิดกัน
ถ้ามีใจรักความละเอียดของภาพ อัลตร้าเอชดีทีวีคืออีกหนึ่งตัวเลือกที่น่านำไปพิจารณากันนะครับ
รู้จักกับโทรทัศน์ Oled TV ของ LG
อันนี้เป็นเทคโนโลยีใหม่จริงๆ เคยเดินไปแผนกเครื่องไฟฟ้าแล้วเห็นทีวีจอโค้งๆมั้ยครับนั้นล่ะ Oled TV
OLED เนี่ยย่อมาจาก Organic Light Emitting Diodes
คือที่เห็นจอมันโค้งได้ คือตัวจอภาพที่มีลักษณะคล้ายแผ่นฟิล์ม
และสามารถเปล่งแสงเองได้เมื่อได้รับพลังงานไฟฟ้า เรียกว่า Electroluminescence
และไม่ต้องพึ่งพาแสง Backlight ทำให้แสดงภาพส่วนที่เป็นสีดำนั้นดำสนิท และแสดงสีสันอี่นๆ ได้สวยสด
รวมถึงช่วยประหยัดพลังงานด้วย
ในส่วนของ Oled TV ขชอง LG เองก็มีเทคโนโลยี คือ 4 clolor pixel
คือ จอ Oled ปรกติจะมีสารอินทรีย์ที่ให้แสงสีแดง, เขียว และน้ำเงิน (RGB) อยู่ในนั้น
แต่ LG เพิ่มสีขาวเข้าไปเป็น WRGB การแสดงสีภาพก็เลยเนียนกริ๊บ
ต้องหาหนังที่ฉากอวกาศมืดๆ มาดูแล้วแล้วจะรู้ครับ แล้วการที่มีสีขาวเนี่ย
การแสดงสีสันก็ทำได้ดียิ่งขึ้น ตรงกับต้นฉบับ สมจริง มีชีวิตชีวา
ความละเอียดเมื่อเทียบกับ LED คือถ้ามองด้วยผ่านๆ อาจจะเข้าไม่ถึง
แต่ถ้าพิจารณาจะเห็นความแตกต่างของคุณภาพของภาพ
ซึ่งในวันงาน LG ก็หยิบแว่นแบบแว่นส่องพระมาคนละอัน
แล้วให้ส่องจอดูเม็ดสี ก็เออ..มันเนียนตากว่าแบบรู้สึกได้ เมื่อเทียบกับ LED
คือในชีวิตจริงๆ ถ้าเราทำแบบนั้น Sale ขายคนหันหน้ามาขวับๆแน่
สนนราคา Oled TV ของ LG นั้น ตัวเริ่มต้นอย่าง 55 นิ้วอยู่ที่ 149,990 บาท
ถ้ารวมคุณสมบัติ Ultra HD และ webOS อยู่ที่ 459,900 บาท
แต่นั่นเป็นรุ่น 84 นิ้วนะครับ
จากที่ลองทีสีวีทั้งสามแบบ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทาง LG ด้วย
เพราะลำพังเวลาทดสอบตามห้างคงไม่ได้ไปใกล้ชิด
อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบปิดที่รีดความสามารถออกมาแน่ๆ
สำหรับการเลือกโทรทัศน์เข้าบ้าน ผู้ใช้แต่ละคนคงมีโจทย์ในใจ
ถ้าใช้งานในห้องนอนขนาดย่อมๆ วางทีวีปลายเตียง
ตื่นมานั่งเป็ดเว็บ เช็คเมล์ ใช้ webOS WebOS Tv ทีวีทั่วไปก็พอ
แต่ถ้ามองไปว่าฉันมีแผนจะซื้ออุปกรณ์ 4K อยู่ในมือละ
ราคาของทีวี 4k ที่มี webOS ก็ไต่ลงมาในราคาที่พอคว้าได้
แต่ถ้าต้องการประสบการณ์ทั้งไอที ทั้งการแสดงผลแบบขั้นสูงสุดเท่าความบันเทิงในบ้านพอจะมีได้
Oled TV ก็เป็นตัวเลือกที่สมควรจะไปลองทดสอบด้วยตัวเองครับ