
การเปิดตัว Samsung Galaxy S6 สร้างปรากฎการณ์ในครองพื้นที่สื่อได้อย่างมาก
ฉะนั้นการ World Tour จึงเป็นการตอกย้ำความแรง ซึ่งงานนี้ต้องไปถึงสิงค์โปร์ครับ
เยือนถิ่น Samsung Galaxy S6 ในแดนสิงคโปร์
หลังจากที่วันแรกหลังจากเท้าเหยียบแผ่นดินสิงคโปร์ทีมงาน Samasung ก็พาเราเลี้ยงดูปูเสื่อย่างดีพาเยี่ยมจุดสำคัญ
และแจกเครื่องโทรศัพท์ให้ไปลองเป็นคู่ละหนึ่งเครื่อง ก็ได้ไปทดสอบรื่นรมย์สมใจกันไป
จนเช้าวัผนวันที่สองต้องรีบลุกจากเตียง เพราะที่หมายแรกสำหรับภารกิจวันคือ
การไปเยือนสำนักงานของ Samsung ที่สิงคโปร์ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของแถบเอเชีย
เขาพาสื่อมวลชนไทยไปคุยกับดีไซเนอร์ครับ
แหม่..มาถึง Head Quarter ที่เมืองสิงห์ทั้งที
แต่ผมดันได้ยืนตาปริบจิบ Starbuck อยู่ด้านนอกคือพอดีห้องมันเต็มครับ
เพราะห้องที่เขาให้เข้าไปฟัง ไปพูดคุยกับดีไซเนอร์ของ Samsung เป็นห้องเล็กๆ จุคนได้ไม่เท่าไหร่
เหตุผลที่เสียดายคือ เพราะตอน Galaxy S3 ที่เกาหลีผมได้นั่งฟังผู้บริหารในระยะห่างกัน 1 ศอก
เขาเล่าถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบว่มีท่ามาที่ไปอย่างไร บอกเลยเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจมาก
สำหรับคนที่สนใจแนวคิดในการออกแบบอย่างผม
ไม่เป็นไรก็เข้าใจในเหตุผลหลายๆอย่างได้อยู่ คือได้มายืนที่นี่ผมก็ดีใจมากแล้วล่ะ
แต่ก็คงหาอ่านจากเพื่อนๆ สื่อมวลชนท่านอื่นที่เขียนถ่ายทอดกันจากหลายแหล่งได้อยู่นะครับ
ผมแอบถามเพื่อนที่เข้าไป ก็ได้ความว่าเขาพูดถึงตั้งแต่ตอนนี่เป็น Project Zero และอีกหลายเรื่องที่เรารู้กันอยู่แล้ว
หลังจากที่พับคำถามที่คิดไว้เก็บไว้กับตัวไปก่อน
ก็ได้สัญญาณให้เข้าไปในห้องที่เขาพูดคุยกันนั่นแหล่ะ
นึกว่าจะได้ชะเง้อเจอแต่หลังคาตึกซะแล้ว ได้เจอดีไซเนอร์อยู่แว้บๆ ครับ
ก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่มีออร่าของนักออกแบบอยู่พอสมควรนะเลยยิ่งเสียดายเข้าไปอีก
เอาล่ะมาดูเครื่องที่เขาวางในห้องดีกว่า
สีทองนี่เป็นเครื่องหลายคนเล็งไว้อยู่ มาดูชัดๆใต้แสงไฟ ก็ดูเลอค่าดีนะครับ

มาดูเคสแบบฝาฟลิป กับเครื่องสีพิเศษกันบ้าง
ตั้งแต่จับเครื่องมาหลายสี นี่เป็นสีที่ผมคิดว่าสวยที่สุดแล้ว
และไม่เหมือนใครในตลาด จะเป็นฟ้าอมเขียว คือสีอ่อนกว่าปีกแมงทับหน่อยนึง
ยิ่งเวลาโดนแสงนี่เหลื่อมมันจะสวยกว่าในภาพมาก
เพิ่งได้มีโอกาสลองเคสแบบนี้ชัดๆครับ ลองจับเครื่องเข้าไปอยู่ในเคส
ลองปิดฝาดูนอกจากการแสดงผลของวันที่ เวลา สัญญาณโทรศัพท์
และปริมาณแบตเตอรี่เราก็ไม่เห็นอะไรอีกแล้ว ช่างดู minimalism เสียจริงๆ
แต่ถามว่าสวยมั้ย ตอบได้เลยว่ามาก!


แผนการทำตลาด Samsung Galaxy S6 ในไทย
หลังจากวืดในการเข้าไปนั่งคุยกับดีไซเนอร์
พอดีเห็นเพื่อนสื่อมวลชนเขาเตรียมสัมภาษณ์ตัวแทนผู้บริหาร Samsung จากประเทศไทย
ก็ต้องทิ้งความเสียดายไว้เบื้องหลังก่อน เลยรีบดิ่งไปนั่งคุยอย่างไว
คือไม่ควรเห็นตัวเองวืดอีกรอบถูกมั้ย
จากที่เราได้นั่งถามยืนถามกันพักใหญ่ ผู้บริหารเขาก็ตอบมารวมๆแบบนี้นะครับ
- ทางผู้บริหาร Samsung ไม่คิดว่าจะเปรียบเทียบโทรศัพท์ Samsung Galaxy S6
ของตัวเองกับแบรนด์อื่นที่วางขายในตลาดตอนนี้ โดยกล่าวอย่างมั่นใจว่า
นี่คือโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้ - ยังไม่มีแนวคิดในการใช้กลยุทธ์แบบ Trad์e In ในการทำตลาด เพราะมั่นใจในตัวผลิตภัณฑ์มาก
- สีที่นำเข้ามาช่วงแรกก็จะเป็นสีทั่วไป ส่วนสีพิเศษกำลังพิจารณาความพร้อมในการเข้ามาทำตลาด
- หลังสงกรานตฺ์ผู้ที่สนใจสัมผัสเครื่องจะได้ลองที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายแบบทั่วถึง
- ตัว Wireless Charger ยังไม่มีแผนที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในไทย
- รุ่นความจุ 128 GB ยังไม่มีแผนที่จะนำเข้ามา ฉะนั้น รุ่นที่ความจุสูงสุดที่มีจำหน่ายในไทยคือรุ่น 64 GB
- ปีนี้จะได้เห็น Samsug ใช้ช่องทางออนไลน์ในการจำหน่ายสินค้ามากขึ้นกว่าเดิม
บรรยากาศงาน Samsung Galaxy S6 World Tour ด้านนอก
S6 World Tour 2015 ครั้งนี้จัดกันที่ประเทศสิงค์โปร์ครับ
ซึ่งก็มีสื่อมวลชนจากหลากหลายประเทศมาร่วมงานกันอย่างหนาตา
โดยมีสื่อมวลชนไทยเข้าไปร่วมสัมผัสงานเปิดตัวระดับสากลแบบนี้กับเขาด้วย
พอเดินเข้ามาในงาน เราจะเจอเครื่องS6 ถูกจัดวางอยู่ในตู้แสดงแบบหลากสีมาก
ประหนึ่งว่านี่คือเราเดินอยู่ในงานจัดแสดงงานศิลปะน่ะครับ

พอเดินเข้าไปด้านในอีกหน่อย ก็เจอ Official Accessories จากทาง Samsung จัดแสดงอยู่
คงไม่ต้องบรรยายอะไรให้มากความ เพราะเราพาคุณไปดูกันมาแล้วรอบนึง
มาดูอุปกรณ์เสริมของยี่ห้ออื่นบ้าง เพราะเขาจัดวางไว้ข้างๆกัน
ครั้งนี้ Samsung ร่วมงานกับแบรนด์ดังระดับโลก ที่มีชื่อเสียง และความโดดเด่นในโลกแฟชั่นทั้งนั้น

แบรนด์ Kate Spade จาก New York
ซึ่งทำกระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องประดับ แว่นตา ของแต่งบ้านแนวสีสันจัดจ้าน
ซึ่งตัวเคสที่ทำมา ก็ยังคงถ่ายทอดลักษณะเด่นของตัวเองอยู่

งานหรูยังไงคงต้องมาครับสำหรับ Mont Blanc นี่ก็ยังคงทำเคสโทรศัพท์ให้ด้วยเช่นเคย
หลังจากเคยร่วมงานกันตอนที่ออกแบบเคสสำหรับ Samsung Galaxy Note 4
ก็ต้องรอดูว่าจะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยมั้ย
สาวมหาวิทยาลัย หรือสาววัยทำงานที่มีหัวใจฟริ้งฟริ้งแบบหวานๆ
ลองมองดูเคสของ Rebecca Minkoff แบรนด์นี้มาจาก New York
เขาผลิดกระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับแนว luxury ครับ
ค่ายนี้ผมชอบเป็นการส่วนครับ คือ Speck
เป็นแบรนด์จาก California การออกแบบเคสของค่ายนี้จะเน้นเคสแบบแน่นๆ หุ้มมิดชิด สีจัดๆ
ใครที่เล็งไว้ ผมคิดว่าน่าจะได้สอยในเมืองไทยแน่นอน
แบรนด์ของ Britto ซึ่งเป็นแนว Pop Art จากศิลปินอย่าง Romeo Britto
อันนี้ไม่ต้องแปลกใจครับ เพราะตอนผมไปเดินร้าน Samsung ที่สิงคโปร์เมื่อปลายปี 2014
นั่นก็มีเคสแนว Pop Art ออกมาเป็นคอเล็คชั่นเลยครับ
แบรนด์ Otterbox นี่ปกติจะเน้นทำเคสสายถึก สายอึดแบบกันกระแทก
แต่ช่วงหลังก็ยังทำเคสแบบแฟชั่นขึ้นมาด้วย แต่ยังคงความถึกไว้แบบเดิมครับ
มาดูสินค้าใหม่บ้าง Samsung Level Link ตัวนี้ไม่แน่ใจว่าจะเข้าไทยมั้ย
แต่ก็แอบเห็นสินค้าตระกูล Level ทยอยเข้าไทยมาบ้างแล้วตอนนี้ แต่เป็นตัวเล็กๆเช่นลำโพง
ตัวนี้ผมเดาเอาว่า น่าจะเป็นตัวรับสัญญาณ Bluetooth เข้ากับหูฟังครับ
ซึ่งในหน้า Official ยังไม่มีรายละเอียดลงไว้
Samsung Level Headphone ตัวใหญ่สุดนี่ผมเคยรีวิวไปแล้ว
คราวนี้มาสีใหม่แนวเมทัลลิก ราคาผมคาดว่าน่าจะอยู่สักห้าถึงหกพันบาท
สินค้าใหม่อีกชิ้นนึง ที่ Samsung ออกมาพร้อมกับแคมเปญอนุรักษ์สัตว์ป่าหายาก
คือ Power Bank ครับ ตัวนี้ยังไม่เข้ามาขายในไทย แต่สื่อมวลชนที่ไปร่วมงานจะได้กลับมากันคนละตัว
คนอื่นเขาได้หมีแพนด้าของผมที่ได้มาเป็นหน้าลิงครับ
ระหว่างที่เราเดินงาน ก็เห็นบริกรของ Samsung เดินบริการเครื่องดื่มอยู่
อันนี้ก็ปกติครับ แต่ที่เดินใส่ถาดมาใกล้ๆ กันนั่นเป็นแว่น VR อย่าง Samsung Gear VR ครับ
ก็เคยมาปรากฎตัวที่งาน Thailand Mobile Expo
คราวนี้เขาเอามาให้ลองทดสอบว่าถ้าใช้ Gear VR ร่วมกับ Samsung Galaxy S6
แล้วจะได้ประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นแค่ไหน หลายคนที่ยังไม่เคยได้ทดสอบต่างก็ตื่นเต้นครับ
แต่จะว่าไปไม่เห็นเงาของ Wearable Device ของ Samsung ตระกูล Gear ในงานนี้เลยแฮะ
บรรยากาศงาน Samsung Galaxy S6 World Tour ด้านใน
กลับมาที่ตัวงานครับ แน่นอนครับว่าเปิดหัวกันด้วยสโลแกนที่กคนคงจะคุ้นกันแล้วอย่าง
Next Is Now แต่ผมสังเกตุอยู่อย่างคือ สีของเครื่องที่เขาใช้ในการนำเสนอตั้งแต่ป้ายหน้างาน
จนถึง Presentation ด้านในจะเป็นเครื่องรุ่นสีเขียวหมดเลย
คือตอนดูจากที่งานอื่นก็จะเป็นสีปรกตินี่แหล่ะ

ในไทยเราไม่ได้ยิน Samsung พูดถึงเรื่องของ 4G LTE เท่าไหร่
แต่ในระดับสากลนี่เขาชูขึ้นมาเป็นประเด็นในการนำเสนอเลยครับ
เพราะทิศทางของมาตรฐาน LTE นับจากนี้จะเป็นเรื่องที่ต้องจับตากันแล้ว เพราะจะทยอยมากันอย่างต่อเนื่อง
ส่วนจุดเด่นอื่น ก็เหมือนที่หลายคนที่ได้ดู Key Note ไปก่อนหน้าเมื่อเดือนมีนาคมครับ






หลังจากเกริ่นเสร็จ ก็มีการเปิดกล่องปริศนาที่วางกลางโต๊ะอาหาร
นั่นคือเครื่อง Samsung Galaxy S6 ครับ
เนื้อหาการนำเสนอช่วงถัดมาก็ยังเหมือนกับ Key Note ที่เราดูกันเมื่อตอนเปิดตัวครับ
อย่างเช่น หน้าจอที่ความแข็งแรงมากขึ้นจาก 50%
ที่หน้าจอแข็งแรงขึ้นเนื่องจากได้เลือกใช้ Gorilla Glass 4
ในเรื่องประสิทธิภาพการประมวลผล ความเร็วในการอ่านหน่วยความจำภายใน
นั้นถูกพูดถึงเป็นเรื่องแรก

CPU ที่ใช้ประมวลผลเป็นแบบ 64bit
ส่วน Ram เป็นแบบ LPDDR4 ซึ่งถือว่ามีความเร็วสูงสุดสำหรับการใช้งานงานในตอนนี้
หน่วยความจำภายใน เป็นแบบมาตรฐาน UFS 2.0 ซึ่งทำความเร็วได้สูงสุดในตลาดวันนี้
นั่นคือเหตุผลที่ตัดเรื่องการใส่หน่วยความจำภายนอกออกไป
หน้าจอ Samsung Galaxy S6 มีขนาด 5.1 นิ้ว Quad HD แบบ Super Omoled
ความละเอียด 577 PPI ซึ่งปริมาณเม็ดพิกเซลอัดแน่นว่าเดิม 57%
เรื่องของการชาร์จไฟความเร็วสูง 10 นาทีใช้ได้ 4 ชั่วโมงก็นำมาพูดถึงอยู่ครับ
แต่ก็มีดอกจันเอาไว้เล็กๆนะครับ
กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล F1.9 และคุณสมบัติ Real Time HDR
จากที่เราทดสอบขอบอกว่าโหดมากสำหรับคู่แข่ง
คืออาจจะไม่มี Palm Selfie ไม่มีอะไรฟรุ้งฟริ้ง แต่ถ่ายมาเนียนสวยทุกช็อต
มาช้าแต่มาโหดกะซัดกับชาวบ้านทีเดียว
กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล F1.9 และคุณสมบัติ Real Time HDR และกันสั่น OIS
จากที่เราทดสอบขอบอกว่า ถ่ายกลางคืนมันมากสวยจัดชัดจริง
แต่ต้องลองปรับให้คุ้นมือนิดหน่อย
พูดเรื่องแฟชั่น พูดเรื่องคุณสมบัติเครื่องไปก็เยอะนะครับ
ช่วงท้ายก็เลยกล่าวถึงเรื่องแนว Corporate บ้างอย่าง Samsung Knox


ซึ่ง Samsung Knox จะเป็นระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับโทรศัพท์ของผู้ใช้องค์กร
ซึ่งสามารถควบคุมการใช้งานของผู้ถือเครื่อง ควบคุมการติดตั้งแอพลิเคชั่น
ดูแลเรื่องรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่อยู่ในเครื่องโทรศัพท์
ในการแสดงเทคโนโลยีสำหรับผู้ใช้ในองค์กร เขาก็หยิบโซลูชั่นพวกนี้ออกมาพูดกันเยอะนะครับ
แต่สำหรับผู้ใช้ทั่วไปอาจจะไม่คุ้นเท่าไหร่
ส่วนตารางการจำหน่ายในเอเชียอย่างเป็นทางการ
ก็ตามลำดับภาพนี้เลยครับ ประเทศไทยเราจะอยู่ท้ายๆหน่อยคือ วันที่ 20 เมษายน
คืออยู่หลังฟิลิปปินส์ แต่วางขายก่อนประเทศลาว
ในช่วงท้ายงานก็เป็นการแฟชั่นโชว์เพื่อแนะนำเครื่องกับแขกในงาน

การสัมภาษณ์นักออกแบบชื่อดังของที่สิงคโปร์
มิน่า..แต่งตัวมาจัดเต็มมาก
และทิ้งท้ายด้วยการแสดงคอนเสิร์ตปิดงานครับ
เห็นท่าเต้นแดนเซอร์แล้วเรานึกอยากให้เชิญครูเทียม ชิงช้าสวรรค์มาสอนจริงๆ
ขอบคุณ : Samsung Thailand ที่เอื้อเฟื้อโอกาสครับ










































