ในบรรดาผู้ผลิตโทรศัพท์ระดับกลาง Wiko ก็เป็นหนึ่งในค่ายที่ชูจุดเด่นเรื่องการรองรับ 4G LTE ในราคาที่ไม่แพงมากนัก
และ Wiko Ridge 4G นี่เป็นตัวแรกของค่ายที่รองรับ 4G ครับ
Wiko RIDGE FAB 4G ภาคฮาร์ดแวร์
ตัว CPU เป็น Snapdragon 410 MSM8916 Quad Core 1.2 GHz Cortex-A53
ซึ่งรองรับการทำงานแบบ 64 Bitตามสมัยนิยมแล้วนะครับ
ส่วนจอขนาด 5.5 นิ้ว IPS LCD ความละเอียดระดับ HD 1280 x 720 เป็น Corning Gorilla Glass 3
จากที่เรามองด้วยตาเปล่าก็ถือว่าเป็นจอให้แสดงผลได้สีสวยตามราคานั่นล่ะ
แต่ดีกว่ารุ่นที่เราเคยรีวิวมาแน่ๆ
อย่างที่จั่วหัวไปรุ่นนี้รองรับ 4G LTE นะครับ
ซึ่งทิศทางของ Wiko ดูน่าจะไปทาง 4G LTE หมดแล้วสำหรับรุ่นใหม่
คลื่นที่รองรับ ก็คาดว่าน่าจะเป็น LTE ที่จะได้ใช้อย่างเป็นทางการในไทยต่อไปครับ
- 4G LTE 800/1800/2100/2600 MHz
- 3G WCDMA 850/2100 MHz
- GSM/GPRS/EDGE 850/900/1800/1900 MHz
- DATA SEGMENT : FDD-LTE Category 4
- DL 150 Mbps, UL 50 Mbps
ขนาดของตัวเครื่องอย่ที่ 156 x 78.2 x 8.6 มิลลิเมตร
ให้ดูขอบข้างกับความบางโดยวัสดุเป็นอลูมิเนียมนะครับ
ส่วนหนักอยู่ที่ 154 กรัม ถือว่ารีดน้ำหนักลงไปเยอะเลย
กล้องด้านหลังมากับความละเอียด 13 ล้านพิกเซลพร้อม LED Flash ให้มามากกว่าที่เราคิด
ส่วนกล้องหน้าความละเอียก 5 ล้านพิกเซลครับ อันนี้ตามมาตรฐานทั่วไป
ฝาหลังนี่ตอนแรกที่เราดู ก็แตกต่างจากพวกพ้องที่มาเปิดตัวก่อนหน้า
ที่เป็นโพลีคาบอร์เนตแบบสีจัด มาเป็นฝาหลังเหมือนจะเป็นขุยๆ
ถ้าใครจะยกมาเป็นประเด็นว่าใช้ไปแล้วจะขุยหนักมากมั้ย
นึกภาพแบบหนังกลับก็แล้วกัน ตอบเลยว่า”ไม่มี” ครับ
แล้วถ้าเปียกน้ำจะเป็นขุยมั้ย เราก็ทดลองเอานำแตะที่ขอบเครื่องก็ไม่ปรากฎกว่ามีขุยอะไรทั้งนั้น
เอาเป็นว่าก็ใช้ได้ยาวๆสบายใจละ แต่ต้องเช็ดฝุ่นนิดนึง
การฝาหลังแงะไม่ยากครับ งัดเบาๆ ตรงช่องว่างข้าง USB นั่นล่ะ
แบตเตอรี่ที่ให้มานั้นขนาด 2820 mAh ครับ
แหม่..อีกนิดนึงน่าจะอัดไปสัก 3000 mAh เลยนะ
ส่วนเรื่อของซิมการ์ดนั้นมาเป็น 2 ซิมครับ แบบ microSIM
และด้านซ้ายมือสุดคือเอาไว้เสียบ microSD
เป็นการจัดวางที่เป็นระเบียบ และใส่เข้าออกง่ายมาก
ตัวเครื่องมีพื้น ROM 16 GB แต่ใส่หน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 64 GB
และให้ RAM มา 2 GB
อันนี้เป็นสรุปจาก AnTuTu Benchmark เกี่ยวกันสเปคของ Wiko RIDGE FAB 4G ภาคฮาร์ดแวร์
รวมถึงคะแนนการทดสอบนะครับ ซึ่งคะแนนที่ได้มาก้เกาะกลุ่มอยู่กับเครื่องรุ่นอื่นในราคาประมาณเดียวกันนั่นล่ะ
คือใมช้งานทั่วไปสบายๆ ส่วนเรื่องการเล่นเกมนั้น ถ้าไม่หนักหนาสาหัสมากก็ได้อยู่แต่ไม่เน้นมากนัก
คือถ้าเน้นเล่นเกม มี Wiko ตัวอื่นที่เกิดมาเพื่อสิ่งนั้นครับ
Wiko RIDGE FAB 4G ภาคซอฟท์แวร์
คือตัว Wiko รุ่นแรกๆมานี่ UI เหมือนลืมใส่น้ำตาล น้ำปลามาให้ด้วย คือเครื่องสีแสบซิ้ดมาก
แต่ข้างในนี่จืดสนิท พอมารุ่นหลังๆนี่ล่ะที่ UI ค่อยมีสีสันหวือหวาขึ้นมาหน่อย
แต่ตัวแอพลิเคชั่นไม่ได้มีอะไรมากนะครับ คือมีให้ใช้เครื่องได้ในชีวิตประจำวันมากกว่า
ก็ตามกลุ่มเป้าหมายเขานั่นล่ะ
การโทรออกไม่ได้มีอะไรที่หวือหวา ส่วนปุ่มคีย์บอร์ดนี่ของแอนดรอยด์เดิมๆครับ
ในบรรดาแอปพลิเคชั่นที่แถมกันมานั้น เราให้ความสนใจอยู่ตัวเดียวจริงๆ คือ Clean Master
ซึ่งเป็น Utility สำหรับทำความสะอาดกำจัดไฟล์ขยะ และรีดประสิทธิภาพออกมา
โดยการทำงานหลัก จะมี 4 หัวข้อคือ
- Junk Files
- Phone Boost
- Anti Virus
- App Manager
Junk Files ก็คือการล้า่งไฟล์ขยะ
ที่เป็นไฟล์ชั่วคราวซึ่งแอปพลิเคชั่นสร้างเอาไว้ แล้วยังตกค้างในเครื่องนั่นล่ะครับ
คือถ้าไม่กำจัดออกไปซะบ้างมันก็รกพื้นที่ขึ้นเรีื่อยๆ
Phone Boost เป็นการปิดแอปพลิเคชั่นที่จองพื้นที่หน่วยความจำในฉากหลังครับ
ถ้าเราปิดไปบ้างเครื่องเราก็ทำงานเร็วขึ้น
Anti Virus ก็คือการตรวจสอบสิ่งแปลกปลอมที่มาจากการติดตั้งแอปครับ
อันนี้ตรวจบ้างก็ดี เพราะในแต่ละปีมีแอนดรอยด์จำนวนไม่น้อยที่ติดไวรัสโดยไม่รู้ตัวนะครับ
ส่วน App Manager จะเป็นตัวจัดการแอปพลิเคชั่น
เผื่อว่าเราลงแอปตัวไหนแล้วไม่ใช้ จะลองถอดทิ้งบ้างก็ได้ครับจะได้ไม่เปลืองพื้นที่
Wiko RIDGE FAB 4G ภาคการใช้งานกล้อง
ทาง Wiko เองแสดงความมั่นใจในเรื่องกล้องที่ทำได้กับราคาค่าตัว
จากการที่เราเอาไปทดลองถ่ายมา สำหรับการถ่ายกลางวันก็จัดว่าพอใจพอสมควร
แต่ออกไปแนวเล็งแล้วถ่ายนะครับ เพราะตัวแอปพลิเคชั่นกล้องมีตัวเลือกให้ใช้ในระดับพื้นฐาน
อย่าง ISO นี่ดันสุดไปที่ 1600 และการชดเชยแสงอยู่ที่ +- สองระดับ
แต่ที่แตกต่างไปจากรุ่นอื่นตรงที่มี Saturation หรือความอิ่มของสีให้เลือกปรับได้อีกสามขั้น
ถึงการโฆษณาของ Wiko จะไม่ได้พูดถึงเรื่องของ Beauty Mode แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีซะหน่อย
คือมีมาให้ในระดับพอกรุบกริบน่ะครับ แต่ที่น่าสนใจจริงๆ จะอยู่ในหมวด Custom
ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับผิวเนียน ปรับตาโต ปรับรูปหน้าเองได้ซึ่งจัดมาให้แบบละเอียดพอสมควร
ในเรื่องของการถ่ายวิดีโอนั้น ความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ระดับ Full HD คือ 1080p
ลูกเล่นที่เหลือก็พวกถ่ายแบบ Time lapse นั่นล่ะครับ
คือยังอ้างอิงมาตรฐานการถ่ายวิดีโอของแอนดรอยด์ทั่วๆไป
ดูตัวอย่างภาพถ่าย คลิ๊กตรงนี้
Wiko RIDGE FAB 4G ซื้อดีมั้ย
ภาพรวมๆ คือโทรศัพท์ที่บาง เบามีภาพลักษณ์ที่ดูดีเกินราคาอยู่เหมือนกัน
เน้นเพื่อใช้งานทั่วไป ใช้ในราค่คุ้มๆ ถือเท่ๆ แบบไม่ง้อเคส
ฮาร์ดแวร์ของกล้องไว้ใจได้ในระดับราคานั่นล่ะครับ
ถ่ายกลางวันนี่ทำงานได้ไม่เลว แต่กับภาพกลางคืนนี่ดูจะเผื่อใจไว้บ้างก็ดี
ส่วนเรื่องรองรับการใช้งาน 4G LTE ใครที่อยู่ในบริเวณที่เครือข่ายรองรับก็ถือว่ากำไรใช้ไปนิดหน่อย
ในตัวเมืองใหญ่ต้นปีหน้าก็คงได้สัมผัสกันถ้วนทั่ว ส่วนราคา Wiko RIDGE FAB 4G อยู่ที่ 6,990 บาทครับ
ขอบคุณ : Wiko Thailand ที่เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ในการทดสอบครับ