
Google Chromecast ทำได้มากกว่าการ Cast ไปยังหน้าจอ แต่ยังมีลูกเล่นอื่นที่ผู้ใช้ปรับแต่งได้
เราจึงรวบรวมเทคนิคการใช้งาน และวิธีแก้ปัญหามาบอกเล่าครับ
เปลี่ยนฉากหลังจอให้ ChromeCast
หลังจากการติดตั้งเสร็จสิ้นแล้ว ถ้าเรามองไปที่โทรทัศน์ก็จะเห็นว่ามีวอลเปเปอร์เปลี่ยนวนไปมาที่ฉากหลัง
สมมุติว่าถ้าวันนึงคุณเอาอุปกรณ์ตัวนี้ไปวางที่หน้าร้าน ที่สำนักงานหรือว่า ณ จุดขาย
บางทีคุณอาจจะอยากเปลี่ยนให้ฉากหลังให้กลายเป็นภาพที่สามารถประชาสัมพันธ์สินค้า และบริการ
ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนภาพฉากหลังได้ตามนี้ครับคือ
เข้าไปที่ Devices เลือกที่หัวข้อ Edit Back Drop
จากนั้นมองหาตัวเลือกในการดึงรูปครับ เบื้องหลังการทำงานของอุปกรณ์ตัวนี้
จะเป็นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลาอยู่แล้ว ฉะนั้นรูปภาพที่ดึงลงมาได้ก็จะเป็นการดึงรูปจากอัลบั้มออนไลน์อย่าง
Google Photo , Facebook ,Flickr
นอกจากแค่การเปลี่ยนรูปฉากหลังแล้ว
เรายังสามารถตั้งให้แสดงข้อมูลอย่างอื่นได้ด้วยนะครับ
อย่าง Weather ซึ่งเป็นราายงานสภาพอากาศ รวมถึง Play Newsstand ที่เป็นการดึงหัวข้อข่าว
เข้าใช้ Guest Mode บน ChromeCast
ในกรณีที่คุณมีคนมาขอร่วมใช้อุปกรณ์ แต่ไม่สะดวกที่จะให้เชื่อมต่อผ่าน WiFi
คุณยังสามารถส่งต่อสัญญาณภาพขึ้นจอได้ Guest Mode
ซึ่งไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อผ่านสัญญาณ WiFi
การตั้งค่า Host ในโหมดของ Guest Mode
1. เปิดไอคอน Cast ของ Chromecast App หน้าแรกของ Google Home
ที่มุมบนขวาบนจากนั้นกดที่หน้าจอเพื่อมองหาอุปกรณ์ที่คุณมีอยู่บริเวณนั้น
โดยเข้าไปที่ Guest Mode
2. เปิดแอปที่จะทำการ Cast และแตะปุ่ม Cast
เพื่อเลือกอุปกรณ์ใกล้เคียง และปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อเชื่อมต่อ
หากการจับคู่ไม่สำเร็จ ผู้ใช้จะต้องป้อน PIN 4 หลักที่ระบบคุณส่งมาให้ด้วยตนเองครับ
ข้อควรรู้ : อย่าลืมเปิด Bluetooth ทุกครั้งเมื่อมีการเข้าใช้ Guest mode

การคืนค่าโรงงาน (Factory Data Reset) ให้ ChromeCast
บางคนอาจจะใช้งานไปนานๆ แล้วมีการโยกอุกรณ์ไปมา ตั้งค่าสารพัดเยอะจัดจนชักงง
เลยอยากล้างค่าใหม่ให้เอี่ยมเหมือนตอนเพิ่งแกะออกจากกล่อง การคืนค่าโรงงานให้อุปกรณ์จึงเป็นเรื่องที่น่าจะรู้เอาไว้ก็ดี
การคืนค่าโรงงาน หรือ Factory Data Reset นั้นทำได้สองวิธีครับ
คือทำผ่านที่ตัวฮาร์ดแวร์ และแอปพลิเคชั่น
การคืนค่าโรงงานผ่านฮาร์ดแวร์
1. เสียบปลั๊กไฟ และเสียบสาย USB เข้ากับอุปกรณ์
2. เสียบสายจากอุปกรณ์ไปยังช่อง HDMI ของโทรทัศน์
3. รอให้ใฟ้ไฟสัญญาณติด จากนั้นหลังจากการกดปุ่มค้างไว้ 25 วินาที
สัญญาณไฟจะเปลี่ยนเป็นกระพริบถี่ ให้รอเปลี่ยนเป็นไฟติดนิ่ง จึงเริ่มทำการตั้งค่าอุปกรณ์อีกครั้ง
การคืนค่าโรงงานผ่านแอป Google Home
1. เปิดแอป Google Home เข้าไปที่ Device แล้วกดเมนูขวามือบนเลือกหัวข้อ Settings
2. จากนั้นกดเลือกหัวข้อ Reboot
3. กด Factory Reset เพื่อยืนยันคำสั่งการคืนค่าโรงงาน
ข้อควรรู้ : ถ้าต้องการเริ่มต้นการทำงานใหม่ แต่ไม่ต้องการล้างค่าที่ตั้งไว้ให้กดเลือก Reboot
FAQ. (คำถามพบบ่อย)
Q: ความต้องการขั้นต่ำของระบบ
A: อุปกรณ์โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต
– Android Phone หรือ Tablet (Android 4.1 ขึ้นไป)
– iOS 8 ขึ้นไป
ระบบปฎิบัติการคอมพิวเตอร์
– Mac OS X 10.9 ขึ้นไป
– Windows 7 ขึ้นไป
– Chromebook OS version 53
ความเร็วอินเตอร์เน็ต
– แนะนำขั้นต่ำ 15 MB
Q: อุปกรณ์ Chromecast เชื่อมต่อกับ WiFi ย่านความถี่ไหนบ้าง
A: รองรับ WiFi ย่านความถี่ 2.4 GHz / 5GHz ครับ ถ้าใช้งานระยะไกล
หรือมีสิ่งกีดขวางภายในห้อง แนะนำให้เชื่อมต่อแบบ 2.4 GHz
Q: ไม่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้เพราะมีคำเตือน AP Isolation จาก Router
A: ผู้ใช้ต้องปิดปิดคุณสมบัติ AP/Client isolation ใน Router ของผู้ใช้เสียก่อน
สามารถดูวิธีเข้าไปปิดคู่มือการใช้งานของ Router แต่ะละรุ่น โดยมากจะอยู่ในหัวข้อ Advanced Wireless Settings
ในกรณีที่คุณเชื่อมต่ออุปปรณ์ Wi-Fi Extender ให้ตรวจสอบการตั้งค่า Extender ว่ามีการเปิด Isolation ที่ WiFi Extender หรือไม่
ถ้ามีการเปิดอยู่ให้ทำการปิดก่อน ถึงจะทำการ Cast ได้ครับ
Q: การ Update ของ Firmware ในตัวอุปกรณ์ทำได้หรือไม่
A: การ Update ของ Firmware ตัวอุปกรณ์คจะจัดการเองรับ เพียงแต่เชื่อมต่อปลั๊กไฟ และ สัญญาณ WiFi ให้กับอุปกรณ์
Q: Cast แล้วภาพค้างทำอย่างไร
A:
1. สังเกตุไฟที่ Router ว่ามีการื่อมต่อปกติหรือไม่ หรือทดลองสอบการเข้าเว็บผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ
2. จากข้อ 1 ให้ทำการปิดแอปพลิเคชั่นที่กำลังทำการถ่ายทอดสัญญาณ แล้วเปิดใหม่อีกครั้ง
3. เข้าไปที่ Devices > Setting > Reboot แล้วกดสั่ง Reboot ครับ
4. ทำการถอดปลั๊กอุปกรณ์ Chromecast แล้วเสียบกลับเข้าไปอีกครั้ง เพื่อทำการเริ่มต้นระบบใหม่
Q: ใช้ Cast แล้วสัญญาณภาพไม่ขึ้นตรวจสอบอย่างไร
A: 1. ตรวจสอบการรับสัญญาณ HDMI ที่เครื่องรับโทรทัศน์ว่า กำลังเลือกช่องสัญญาณตรงกับช่อง HDMI ที่เสียบอุปกรณ์หรือไม่
ซึ่งในโทรทัศน์บางรุ่นจะสามารถตรวจจับได้ว่ากำลังมีอุปกรณ์เสียบอยู่ที่ช่องใดบ้าง
2. ทำการถอด Reboot โทรศัพท์ หรือว่าคอมพิวเตอร์ แล้วกลับเข้าไปยังระบบอีกครั้งเพื่อทำการเชื่อมต่อระบบ
Q: มีการเปลี่ยนชื่อ SSID ของ Router หรือมีการย้า่ยตำแหน่งแล้วอุปกรณ์ไม่สามารถเชื่อมต่อได้แก้ไขอย่างไร
A: 1. เข้าไปที่หัวข้อ Set Up > Select a WiFi network แล้วทำการเลือก network ที่ต้องการ
Q: สามารถเปลี่ยนชื่อของอุปกรณ์ภายหลังได้หรือไม่
A: สามารถเปลี่ยนได้ครับ โดยเข้าไปที่หัวข้อ Setup แล้วเลือก Name your chromecast
Q : อยากเพิ่มการเชื่อมต่อของอุปกรณ์กับโทรศัพท์ภายหลังทำอย่างไร
A: สามารถเพิ่มได้ครับ เข้าไปที่หัวข้อ Devices แล้วเลือก Add New Device
ข้อควรรู้ : ถ้าต้องการลบการเชื่อมต่ออุปกรณ์ให้กดที่ Ignore ครับ
Q : กดปุ่ม Cast ที่แอปแล้วเด้งออกแก้ไขอย่างไร
A: เป็นปัญหาที่แอปพลิเคชั่นครับ โปรดติดต่อผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นนั่นเพื่อทำการแก้ไขต่อไป


















