AAS Harley-Davidson of Bangkok มีการเปิดโชว์รูมใหม่ที่ถนนวิภาวดี
สิ่งที่น่าสนใจ คือ การพยายามปรับแบรนด์ของ Biker ที่อยู่มาร้อยกว่าปีให้ทันสมัยด้วยไอทีครับ
ภาพแรกของ Harley-Davisson ที่ผมนึกออกขึ้นมาในหัวคือ Music Video ของเพลง
Born to be Wild ผลงานของวง Steppenwolf แพลงประกอบภาพยนต์ Easy Rider ในปี 1969
ซึ่งมอเตอร์ไซค์ของ Captain America และ Billy Bike ก็จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของ Harley-Davidson
จนเมื่อมีเทียบเชิญมายังงานเปิดตัวตัวโชว์รูมใหม่ที่ตั้งอยู่ตรงระหว่างวิภาวดี 64 กับ 66 นั่นล่ะ
เขาบอกกับราว่าอยากให้มองสัมผัสว่าแบรนด์ของ Harley-Davidson
ที่อยู่กันมา 100กว่าปีนี่ก็ปรับตัวเข้าสู่เทคโนโลยี และมีความร่วมสมัย
AAS Harley-Davidson of Bangkok กับการประยุกต์ใช้ Line@
ภาพแรกที่เราเจอก็ไม่ต่างจากที่ทุกคนคิด
คืออุดมไปสาวสวยจัดๆ เยอะมาก และเหล่า Biker ที่มี DNA ของแบรนด์นี้แบบนี้ฉีดเข้าเส้น
แต่เดี๋ยวก่อนตอนเราเดินเข้ามาทีjโต๊ะลงทะเบียนเราสะดุดกับสิ่งนี้เป็นอย่างแรก
คือชีวิตจริงๆ ผมไปลงานเปิดตัวสินค้ามาค่อนข้างเยอะ แล้วทุกงานก็จะมีรูปแบบการลงทะเบียนเข้างานคล้ายๆกัน
คือแผ่นลงลงทะเบียนที่ใช้กระดาษ แล้วเขียนชื่อ-นามสกุล ชื่อสื่อ อีเมล์และอื่นๆ แบบเดิมซ้ำไปแทบทุกงาน
จนบางทีเราก็สงสัยว่ามันน่าจะมีวิธีอื่นสิ เพราะสิ่งที่เสียเวลาจุดลงทะเบียนคือการมานั่งแกะลายมือ
แล้วต้องมานั่งแกะข้อมูลเพื่อป้อนลงระบบอีกครั้ง
อย่างงานนี้เขาใช้ Line@ ครับ ซึ่งใครสนใจจะติดต่อกับทางโชว์รูมเพื่อรับข่าวสารก็แอดไปที่ @Harley-Thai เป็นอันเสร็จสิ้น
ว่าแต่แอดไปแล้วเราได้อะไร ก็คือได้ฐานข้อมูลลูกค้า่ไว้ส่ง Line แบบนี้ครับ
ซึ่งการที่โชว์รูม ได้ข้อมูลลูกค้าไว้แบบนี้ สามารถส่งข้อความต้อนรับเพื่อมีปฎิสัมพันธ์ได้ทันที
โดยให้ข้อมูลที่บอกกับลูกค้าแบบไม่ยัดเยียด อย่างที่ผมไปมาคือการโชว์รูมใหม่ตรงถนนวิภาวดี
แต่เขาก็สามารถบอกพ่วงไปได้ทันทีเลยว่า มีสาขาอื่นด้วยนะอย่าง สยามพารากอน และสาขาพัทยา
ก็เป็นการสร้างความเข้าใจ และการกระตุ้นความจำอย่างง่ายๆ
AAS Harley-Davidson of Bangkok กับการใช้สมาร์ทโฟนในงานเปิดตัว
มาลองเดินดูในงานกันบางคือ DNA ความเป็น Haley-Davison
ในงานก็ยังเต็มเปี่ยมไปทั้งงานนั่นล่ะ ทั้งสินค้าของแต่ง สินค้าดูแลรักษามอเตอร์ไซค์
เสื้อผ้า รวมถึงแนวทางการแต่งโชว์รูปที่ดูดีดูดิบ และเปี่ยมไปด้วยความแข็งแรงแบบปูนและโลหะ
เราพยายามมองหาความไฮเทคอย่างที่เค้าอยากให้เรามาเห็นจนเราเดินไปเจอสิ่งนี้
แอปพลิเคชั่นสำหรับโชว์รูม คือถ้ามีเงินก็ไปสามารถจัดหานักพัฒนามาทำให้ได้
แต่จะทำอย่างไรถ้าอยากให้ลูกค้าหรือผู้เข้าร่วมงาน เกิดการดาวน์โหลดขึ้นมา
หรือเข้าถึงแอปพลิเคชั่นของคุณแบบง่ายที่สุด ถ้าเอาแบบง่ายไม่ต้องคิดคิดดักหน้าดักหลังมากนักคือ
คือ ทำป้ายตัวใหญ่ๆพร้อม QR Code แบบนี้นั่นล่ะครับ แล้ววางในจุดเดียวกึบระดับสายตา
เพื่อให้ลูกค้าสามารถควักสมาร์ทโฟนมาสแกนแล้วดาวน์โหลดนั่นล่ะคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
อย่างผมไปประเทศเพื่อนบ้านนี่ก็เจอโปสเตอร์พร้อม QR เป็นว่าเล่น
แต่สิ่งที่สำคัญสำหรับการนำวิธีนี้มาใช้คือ ขนาด QR Code ต้องใหญ่ และคมชัดมากพอสำหรับการสแกนนะครับ
ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นป้ายใหญ่ๆ ที่ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งแอปพลิเคชั่นของโชว์รูมนี้มีทั้ง iOS และ Android ครับ
คือในตัวงานก็เป็นการเปิดแนะนำโชว์รูมนั่นล่ะ พูดถึงประวัติการก่อตั้งกันไปตามธรรมเนียม
แต่สิ่งที่เพิ่มติมคือนำเสนอภาพของความล้ำสมัยเข้ามา อย่างผมเองเพิ่งไปต่างประเทศมาปลายปี
ตามร้านค้าหรือโชว์รูมใหญ่ๆ ก็เริ่มมีการนำหุ่นยนต์เข้ามาเป็นตัวต้อนรับและช่วยแนะนำลูกค้า
ซึ่งในงานนี้ก็มีนำโชว์ด้วย คือหุ่นยนต์ของคนไทยครับที่ชื่อ “DINSAW”
ซึ่งก็ถามตอบกับพิธีกรได้ระดับหนึ่งเลยในภาษาไทย
สิ่งที่ Line@ กับสิ่งที่แบรนด์ทำได้นั้น นอกจากการส่งข้อความหาลูกค้าทั่วไป
แต่รวมถึงกับการดึงคนเข้ามาร่วมทำกิจกรรม
นึกภาพออกแล้วใช่มั้ยครับ ว่าเขามีป้ายใหญ่ๆเพื่อแนะนำ Line@ ไว้ทำไม
เพื่อให้ลูกค้าโหลดมาแล้วมันต้องมีการทำกิจกรรมผ่านแอปนี่ล่ะ
อย่างแบรนด์นี้ใช้การเล่นเกมตอบคำถามร่วมกันกับผู้เข้าร่วมงาน ผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟน
ซึ่งรับ URL ผ่าน Line@ ปกติเวลาเราไปร่วมงานมักจะเป็นเกมง่ายๆ
อย่างกิจกรรมที่เราทดลองเล่นคือ การตอบคำถามชิงความไว
ซึ่งปกติจะใช้การยกมือแล้วใช้พิธีรกร หรือกรรมการผ่านสายตาว่าใครไวกว่า
แต่ว่าอะไรคือความยุติธรรมสำหรับคนเล่นล่ะ อันนี้เลยทำผ่านแอปครับ
เป็นเกมสะสมคะแนนไปเรื่อยๆ ซึ่งทำให้ผู้เข้าร่วมงานต้องสังเกตุ และจดจำเกี่ยวกับข้อมูลปลีกย่อยของแบรนด์ อย่างเช่นสถานที่ตั้งสาขา
ปริมาณการรับรถเข้าบริการต่อเดือน หรือคำถุามแบบแฟนพันธุ์แท้ เช่น รุ่นของมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ในหนัง Teminator 2 และที่ตั้งของโรงงาน
ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นก็จะฝังเข้าไปในความจำของผู้เล่นอย่างไม่รู้ตัว โดยตัดบรรยากาศน่าเบื่อแบบเดิมๆออกไปอย่างสิ้นเชิง
เล่นไปเล่นมาก็สนุกดีรู้จักแบรนด์นี้เพิ่มขึ้น เอาเป็นว่าผมเล่นจนเข้ารอบ 8 คนสุดท้าย
ทั้งที่ปูมหลังผมรู้เกี่ยวกับแบรนด์เท่าๆ กับคนทั่วไปนี่ล่ะ
มาดูทีแอปพลิเคชั่นของเขากันบ้าง ซึ่งในภาพรวมของแอปพลิเคชั่นระดับสากล
คือไม่ใช่จะตะบี้ตะบันเน้นขายของกันอย่างเดียว แต่ต้องสร้างประสบการณ์อย่างอื่นด้วยสำรับการใชีชีวิต และการรับบริการเข้าไปด้วย
อย่าง Privilleges หรือสิทธิพิเศษกับร้านค้าที่ร่วมรายการ คือซื้อมอเตอร์ไซค์คันละหลายเงินขาดนี้
มันก็ต้องขีี่ไปใช้ชีวิตนอกบ้านกันบ้างล่ะ หรือว่าตารางการนัดหมาย Service Booking
บำรุงรักษา Haley-Davidson ของคุณตามระยะ ซึ่งสามารถติดต่อซึ่งสามรรถดูตารางย้อนหลังได้
แต่การติดต่อยังต้องใช้การโทรอยู่ ในความคิดเราถ้าสามารถเชื่อมต่อระบบเข้ากับส่วนกลาง
ด้วยการพิมพ์ได้จะเยี่ยมมาก
อีกสิ่งที่เป็นพื้นฐาน อย่างพิกัดของสถานที่ตั้งโชว์รูมทั้ง 3 สาขา อันนี้ถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับลูกค้าที่ควรจะมี
ก็มีเข้ามาใส่อยู่ในแอปครับ ในส่วนของหัวข้อ “Location”
อย่างผมทดสอบบน iPhone ก็มีให้เลือกได้ว่าจะให้นำทางไปด้วย Apple Maps หรือว่า Google Maps
แต่ถ้ากดแผนที่แล้วไม่ขึ้นลองไปที่หัวข้อ Setting แล้วตั้งค่า Allow สำหรับการเข้าถึง Location ของแอปก่อนนะครับ
ส่วนที่เหลือก็เป็นการแนะนำมอเตอร์ไซค์ รายละเอียดของแต่ละรุ่นและประวัติ รวมถึงเสื้อผ้า
แต่ถ้าอยากดูรถรุ่นเก่าตัวเป็นๆ แนะนำมาสาขาที่วิภาวดีที่นี่เขาเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ Harley-Davidson ขนาดย่อมๆ
นี่คือหนึ่งในตัวอย่างซึ่งเป็นคันที่ผมเดินมาดูแล้วสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น คือ Harley-Davidson VL ออกในปี 1930
- Engine Type V-Twin
- Transmission 3-speed with reverse
- Harley introduced the new side-valve 40 hp , 74 cubic inch.
- Harley-Davidson boasted a number of improvement over the preceding model with the VL.
หรือการสลัดภาพลักษณ์ของ Harley -Davidson ไปในแบบอื่นที่ร่วมสมัยมากมากขึ้น
ตอนวันงานที่โชว์รูมก็มีมาจัดแสดงเหมือนกันครับ อย่างคันนี้แต่งมาใน theme ของสำนัก MoonEyes
ซึ่งส่วนตัวผมชอบสำนักนี้อยู่แล้วเป็นฝีมือการการแต่งรถโดย FATBOY DESIGN
เมื่อเสร็จสิ้นงานพิธีการด้านใน ดูเหมือนงานสังสรรค์ของ Biker ด้านนอกนี่เพิ่งจะเริ่ม
ซึ่งบอกเลยว่ามันร็อคมาก อันนี้บอกด้วยความรู้สึกส่วนตัวว่ารสนิยมการเลือกวงดนตรีมาเล่นในงานนี้อยู่ในระดับที่ดีทีเดียว
อย่างในงานมีวงที่เล่นในแนว Rockabilly มีวงดนตรีไทย และโขนไทยที่มาเล่นตอนเปิดผ้าคลุมมอเตอร์ไซค์
และตบท้ายงานด้านนอกด้วยวงในสไตล์ Hard Rock – Heavy Metal ในยุค 70’s – 90’s
สำหรับชาว Biker ที่อยากจะติดต่อกับโชว์รูมสามารถเข้าไปกด Like ที่ Fanpage นี้ครับ
https://www.facebook.com/AASHarleyBangkok