Huawet Mate 10 Pro หลังจากที่ปรากฎตัวในงานที่ประเทศเยอรมัน
ในฐานะของเครื่องที่ชูความสามารถด้าน AI โดยมากับสโลแกนที่ว่า “World’s First Kirin AI”
ในที่สุดก็ปรากฎโฉมต่อสายตาคนไทยแล้วครับ
สเปคภาพรวมของ Huawei Mate 10
สิ่งแรกที่คุณควรรู้ก่อนเลย คือ ขนาดหน้าจอตอนนี้ อัตราส่วนของหน้าจอ 18:9
กลายเป็นมาตรฐานโทรศัพท์ระดับเรือธงไปแล้วเรียบร้อย โทรศัพท์เครื่องนี้ก็ด้วยเช่นกัน
และขอแสดงความ้สียใจกับใครที่คิดว่าจะหาช่องเสียบหูฟัง เพราะนี่ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ตัดทิ้งไปเรียบร้อย
เหลือแค่ USB Type C เท่านั้น .. มันคืออนาคต!
โดยระบบปฎิบัติการณ์ที่ติดมาจากดรงานเป็น Android 8.0 จากโรงงาน
ส่วนสีที่มีขายคือ Midnight Blue / Mocha Brown
ซึ่งเรามองใต้แสงไฟมันกระเดียดออกไปทางเกือบๆจะสีทองแล้ว
Ram และ Rom ด้านในเป็นเครื่องใส่มาให้ที่ 6 GB Rom / 128 GB Rom
สมศักดิ์ศรีของเรือธง แต่สิ่งที่เราpอมรับว่าตกใจคือ นี่หรือคือเครื่องที่แบตเตอรี่อยู่ที่ 4000 mAh
แต่ดูจากประเภทของแบตเตอรี่ที่ใส่มาเราเลยเข้าใจว่าทำไมถึงเครื่องได้บาง และแบตเตอรี่ได้ความจุเยอะขนาดนั้น
ในเรื่องของการกันน้ำก็ยังอยู่ในมาตรฐาน ip68
ซึ่งในงานก็มีการเอาโทรศัพท์จับใส่ตู้ปลาแช่ไว้ให้ผู้เข้าชมงานเดินผ่านไปมา
แต่ชีวิตจริงอย่าทำแบบนั้นเล้ย เก็บไว้เอาใช้ยามฉุกเฉินยามบังเอิญเครื่องตกน้ำก็พอ
ส่วนขุมพลังด้านในที่มากับ CPU นั้นจะเป็น Kirin 970
สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ NPU (Neural NetworkProcessing Unit)
ซึ่งนี่ล่ะสิ่งที่เราสนใจมากที่สุด
Huawei Mate 10 Pro กับศักยภาพด้าน AI
ทำไมถึงชูประเด็นเรื่องของ World ‘s First AI สิ่งที่เขามองไว้ไกลๆ ในการเอา AI มาใช้ตือ
- Intelligent Behaviour Prediction การทำนายพฤติกรรมของผู้ใช้แบบอัจฉริยะ
- Intelligent Resource Allocation การจัดสรรทรัพยากรแบบอัจฉริยะ
- Intelligent, Context-Awareness การเรียนรู้ และจดจำบริบทอัจฉริยะ
ถ้าว่าลองแล้วปรับเองเลยมั้ย ก็ต้องบอกว่ายังมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง
แต่การใช้ AI คือการเรียนรู้
โทรศัพท์รุ่นนี้ยังคงทำหน้าที่ได้ดีตามแบบเดิม คือ
กล้องหนึ่งจับภาพสี RGB ที่ 12 ล้านพิกเซล กล้องสองจับที่ 20 ล้านพิกเซลซึ่งเป็นขาวดำ
แต่สิ่งที่อยู่เบื่องหลังกล้อง 2 เลนส์นี้ต่างหากที่สนใจยิ่งกว่าเพราะมีการใช้ AI อีกแล้ว
รวมถึงการใส่ใจในรายละเอียดปลีกย่อย
ในแง่ของการเรียนรู้ที่ดูเป็นรูปธรรมที่สุดเท่าที่เราสามารถทดลองได้ในงานนี้
คือ “Embed Knowledge” หรือการเรียนรู้แยกแยะองค์กระกอบของภาพ ซึ่งทางผู้ผลิตบอกว่า
เรียนรู้จากภาพถ่ายกว่า 100 ล้านภาพ เพื่อให้สามารถแยกจำแนกว่าภาพนั้นคืออะไร
และสมควรจะเลือกใช้งานโหมดถ่ายภาพที่เหมาะสมแบบไหน
จากที่เราลองกันดูในงาน เราคิดว่ายังคงต้องให้ระบบส่วนกลางเรียนรู้
และจดจำ เพื่อการประมวลภาพให้มากกกว่านี้ก่อน
แต่ถ้าไม่คิดอะไรมากฃโหมดการถ่ายภาพที่ให้มาในเรื่องก็ถือว่าครอบคลุมดีอยู่แล้ว
ซึ่งนอกจาก Mode การถ่ายรูปทั่วไปยังมี Object และ Scenes ซึ่งแยกย่อยไปได้อีก 13 แบบ อย่าง
Text , Food , Stage ,Blue Sky ,Snow ,Beach ,Dog ,Cat ,Sunset ,Plant ,Potrait , Flower
ซึ่งความละเอียดในการคิดสังเกตุได้จากทีที่มีโหมด Cat และ Dog
ความแตกต่างระหว่างสัตว์สองแบบนี้คือ แมวมีขนที่ละเอียดกว่าสุนัข
การเก็บภาพจึงทำงานต่างกันไปอีก
PC Mode กับการตอบโจทย์คนทำงาน
PC Mode ที่หลายคนฮือฮาว่าเป็นการแก้เกมคู่แข่ง จากที่เราลองสัมผัส
เราพบว่าจุดยืนจริงๆ มันเหมาะกันคนละแบบโดยสิ้นเชิง
คือการใช้งานในแบบ Docking คือวางเสียบแท่นกางคีย์บอร์ด การวางเมาส์แล้ว input ข้อมูลเข้าไปแบบนั่งแช่ทำงานนานๆ แบบ Desktop Replace
แต่กับ PC Mode จะตอบโจทย์คนที่ทำงานบน Cloud แล้วเซฟไฟล์ลงเครื่องเผื่อไว้อีกชุด หรือดึงมันจาก Cloud นั่นล่ะ
เสียบเอาเข้ากับจอโทรทัศน์ หรือจอคอมพิวเตอร์ แล้วใช้โทรศัพท์เป็น Track Pad จบ แต่ความเสถียรของภาพอยู่ที่การต่อสายล้วนๆ
มีคนบอกว่าเวลาใช้งานจริงใครจะพก Dock ไป ก็วนกลับไปที่บรรทัดเดิมcบบข้างบน ขึ้นอยู่กับว่าคุณให้น้ำหนักกับอะไร
ใช้งานประจำทำงานไปยาวๆ หรือว่าพกพานำเสนองานในทีระชุมไปข้างนอกแล้วจบด้วยโทรศัพท์เครื่องเดียว
เกมที่กลายเป็นเครื่องม่ยของ Benchmark การวัดและประสิทธิภาพอย่าง ROV
สำหรับรุ่นนี้ก็จัดว่าได้ดี ถ้าต้องการเล่นออกจอโทรทัศน์ก็สามารถทำ Screen Mirror หรือใช้ผ่านสายได้ตามปกติ
แต่เท่าที่เรายืนสังเหตุดูเหมือนจะมีอาการ LAG เล็กน้อย
Huawei Mate 10 Pro กับราคาและเวลาเปิดจองในไทย
การวางตำแหน่งราคาขายที่ 27,900 บาทสำหรับการจองรอบแรก
ถือว่ามาาอย่างหักกาเซียนไปหลายอยู่ เพราะจากที่เปิดตัวมาครั้งแรก
ทุกคนต่างเก็งกันว่าราคาขายน่าไปที่ 3 หมื่นบาททั้งนั้น
ก็จัดว่าเป็นการตั้งราคาที่ทำให้ผู้ตัดสินใจในงบ 2 หมื่นปลายจนถึง 3 หมื่นต้นถึงกับนั่งคิดหนัก
และเป็นการสกัดคู่แข่งไปด้วยกันเลยในคราวเดียว ซึ่งนั่นก็เป็นกลุยทธ์ในการทำตลาดด้วยช่วงราคาที่ค่ายนี้ชำนาญการยิ่งนัก
ขอบคุณ : Huawei Thailand ที่เอื้อเฟื้อโอกาสครับ