Review!

พรีวิว Samsung Galaxy S9 เมื่อกล้องคู่ยังเฉิดฉายภายใต้ความแสงสลัว

Samsung Galaxy S9 และ S9+  เครื่องเรือธงรุ่นแรกประจำปี 2018 ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
วางขายในไทย 16 มีนาคม ในราคาเริ่มต้นที่ 27,900 สำหรับรุ่น 64GB
โดยชูจุดเด่นเรื่องของกล้องคู่ครั้งแรกในตระกูล Galaxy S

แรกสัมผัส Samsung Galaxy S9 และ S9+

การออกแบบเครื่องยังไม่ถือว่าพลิกโฉมไปอะไรมากนักจากรุ่นที่แล้ว
เราพะยังคงอยู่กับการออกแบบคล้ายเดิมอย่าง Infinity Display, ปุ่ม Virtual Home ที่อยู่ใต้จอ
และขนาดของจอที่แตกต่างกันใน 2 รุ่นคือ 5.8 นิ้ว และ 6. 2นิ้ว จอเป็น Super AMOLED ความละเอียดแบบแบบ Quad HD+

เครื่องที่เราได้มาลองนั้นเป็นตัวรุ่น Plus ที่มากับขนาดจอที่ใหญ่กว่าคืออยู่ที่ 6.2 นิ้ว
ซึ่งเราลองจับแล้วก็ยังรู้สึกได้ถึความทะมัดทะแมงและเข้ามืออยู่

ความจุของของหน่วยควมจำภายในทั้ง S9 และ S9+ เริ่มต้นกันที่ 64GB
สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้อีกผ่าน microSD

ในเรื่องของ Ram นั้น ทางด้าน S9+ จะให้ Ram มาจัดเต็มกว่าคืออยู่ 6GB ซึ่งมากกว่า S9 อยู่เท่าตัว
ในเรื่องของแบตเตอรี่นี้ก็มีความแตกต่างเช่นเดียวกันคือความอยู่ที่ 3,000mAh สำหรับ S9 และ 3,500mAh สำหรับ S9+

ใต้ความหมายของประโยค “The Camera Reimagined”

ถ้าดีไซน์อาจจะยังไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำให้รู้สึกต่าง
คือถ้ามองแบบไม่เข้าข้างกันคือของเดิมมันก็ทำมาได้ลงตัวดีอยู่แล้ว

สิ่งที่ Samsung พยายามเอาชนะตัวเอง และคู่แข่งมาโดนตลอดคือการถ่ายภาพในที่แสงน้อย
โดยสิ่งที่เข้ามาช่วยจริงๆ นอกจากการแข่งขันที่ฟาดฟันกันว่าขนาดรูรับแสงในเลนส์กล้องของใครว่า
จะสามารถทำออกมาได้กว้างได้มากกว่ากัน

สุท้ายพอมาในยุคเลนส์คู่ Samsung เลือกที่ที่จะพัฒนาออกมาเป็น “Dual Aperture”
คือ บน S9+ สลับค่า F1.5-2.4 เพื่อให้ควบคุมความสว่างหรือความมืดได้อย่างใจมากขึ้น
งานเปิดตัวในไทยก็ถือว่าใจกล้ามากในการจัดห้องทดสอบที่ให้ความรู้สึกเหมือนเข้าผับที่เต็มไปด้วยไฟแบบ Neon Glow

หลังจากที่เราถ่ายออกมาแล้วสิ่งแรกที่คิดคือ
เออ..อันนี้ล่ะที่เราชอบ คือใช้ตระกูลนี้มันไม่ต้องคิดมากอยากถ่ายก็ควักเครื่องขึ้นมาเล็งแล้วถ่ายนั่นคือจบ
แล้วพึ่งพาทุกอย่างเป็นอัตโนมัติ
คือทางนี้ก็นำเสนอหลายครั้งมากกับประสบการณ์ถ่ายภาพในที่แสงน้อยมาหลายรุ่น
แต่นี่ดูจะเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เรารู้สึกว่า มันแทบจะไม่ต้องไปปรับอะไรแล้ว
แต่ยังเหลือเผื่อไว้ถ้ามันฟุ้งไปค่อยไปตั้งค่าในโหมด Pro เอา

ดูตัวอย่างภาพถ่ายได้จากที่นี่ครับ

Super Slow-Mo ถือว่าเป็นไฮไลท์อีกอันหนึ่งบนเวที Unpacked 2018 ที่ใช้เวลาบนเวทีอยู่ค่อนข้างนาน
แต่คุรสมบัตินี้ก็เป้นเรื่องที่ตลาดนั้นพอจะรับรู้กันอยู่ก่อน เพราะ Sony Xperia ก็ชูจุดขายเรื่องมาพักใหญ่ๆ
โดย S9 ปรับมาตรฐานการทำภาพช้า จาก 240 FPS ขึ้นไปสู่ 960 FPS ซึ่งทำให้ภาพช้านิ่มนวลมากกว่าเดิมถึง 4 เท่า

ในการแถลง Key Note บนเวที ใช้เวลากับเรื่องนี้ไปมาพอสมควร
ถามว่ามันดึงเวลาให้ช้าลง แล้วภาพวิ่งนิ่มนวลอย่างที่แสดงบนเวทีมั้ย..ทันก็ใช่
แต่ในความเป้นจริงแล้วจากที่เราลอง และเรามองหลายคนลองพร้อมกับเรา
เปอร์เซ็นต์การหยิบมาแล้วถ่ายติดทันที หยิยบมาแล้วใช้ทันทีมันไม่ได้ง่ายดายดั่งใจเท่าไหร่
ต้องลองถ่ายสอง-สามทีถึงจะเข้าใจในการทำงานเบื้อวหลังของมัน
สำหรับเราแล้ว Super Slow-Mo มีไว้โชว์ ไม่ได้มีไว้ใช้จนกว่ามันจะง่ายกว่านี้

AR Emoji เมื่อ Samsung กระโดดลงสนาม AR สาย Mass

เรามองว่าการเปิดเกมเรื่อง AR ของ Samsung ผ่าน Bixby คือการจุดพลุ
เพราะหลังจากที่มีข่าวลือมาก่อนหน้านี้ว่าจะกระโดเข้ามาร่วมวงการทำ Animoji
ซึ่งครั้งนี้ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการเสียที โดย Samsung’s เรียกสิ่งนี้ว่า “AR Emoji”

คือให้ผู้ใช้สร้างการ์ตูนคาแรคเตอร์ของตัวเองได้ผ่านแอปและกล้องหน้า
สามาถเคลื่อนไหว และขยับปากสนทนาได้แบบ real time เลือกเพศ และสีผิวได้
การใช้งานจะให้ดีที่สุดคือต้องถอดแว่น เพื่อให้กล้องหน้าเกHบรายละเอียดใบหน้าของเราให้ใกล้เคียงความจริงที่สุด

 

ดูเหมือนเป้นของเล่นนะครับ แต่ทุกคนที่ได้สัมผัสรอบแรกก็ยินดีที่จะเสียเวลาเล่นกับมัน
ฟังค์ชั่นนี้เหมือนท้าชนไปยังคู่แข่งอีกฟากว่านายทำได้ ฉันก็ทำได้ และดูเหมือนจะทำได้เหนือว่านิดๆ ด้วย
ทำไม Samsung ถึง เลือกเข็นมันออกมาแบบนั้น
ถ้าในเครื่องรุ่นก่อน มีเรื่องของ Iris Scan หรือเรื่องการสแกนม่านตา
ครั้งนี้คือเพิ่มเรื่อวของการประมวลผลลักษณะของใบหน้าเพิ่มเข้าไปในเชิงลึก
ซึ่งนั่นคือกล้องหน้าต้องดี การประมวลผลข้างในก็ต้องฉลาดพอ

ถามว่าคล้ายกับตัวจริงมั้ย Render ออกมาแล้วเราได้คล้ายอยู่ประมาณนึง
แต่ที่ทำให้เรารู้สึดได้เลยคือ ไม่ว่าจะมืด จะสว่าง
ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยชีวภาพก็ยังสามารถทำงานได้แยู่

อ่อ ..  Samsung ก็มีการตกลงกับทาง Disney คาดว่าน่าจะมี Animoji เป็นตัวละครจากค่ายนี้ตามมาแน่ๆ

Samsung Dex  รุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไป

DEX กลายเป้นอุปกรณ์เสริที่หลายคนรู้สึกชอบ เพราะสามารภทให้โทรศํพท์เขยิบตัวขึ้นมาทำได้ใกล้เคียงกับ Deหktop Computer
โดยรุ่นใหม่มาแบบแนวนอน สามารถใช้นิ้วแทน Pointer ในการลากได้
ถ้าเทียบกับคู่แข่งแล้วอันนี้เราไม่รู้ว่าควรจะให้คะแนนอย่างไรดี เพราะคู่แข่งคือพกไปตัวเดียวไม่ต้องมีแท่น
ซึ่งถ้าเอาความรู้สึกส่วนตัวเป็นเครื่องชี้วัดเรารู้สึกชอบการใช้งานแบบแท่นเสียบของเดิมมากกว่า

ในส่วนของ Bixby ซึ่งเบื้องหลังคือคือ AI ครั้งนี้การพรีเซนต์ในไทย ไม่ได้มีการพูดถึงเหมือนใน Mobile World Congress
ซึ่งบนเวทีก็ยังนำเสนอเรื่องของการการส่องแล้วแปลภาษาแบบเดียวกับ Google Lens ซึ่งปัจจุบันรองรับการอ่าน 54 ภาษา และแปลเป็น 150 ภาษา

ราคาและโปรโมชั่น ของ Samsung Galaxy S9 และ S9+ ของโอเปอเรเตอร์

การที่ประเทศไทยได้อยู่ในแผนการจำหน่ายแบบ Tier 1 นั้นแสดงถึงยอดขายในตระกูล S ที่ผ่านมาว่ายังคงได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ใช้ในประเทศไทย
ซึ่งครั้งนี้ก็วางจำหน่ายในร้านพร้อมกับต่างประเทศคือ 16 มีนาคมโดยสามารถสั่งจองได้ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. – 5 มี.ค.

S9 รุ่นความจุ 64 GB ราคา 27,900 บาท
S9+ รุ่นความจุ 64 GB ราคา 31,900 บาท
S9+ รุ่นความจุ  256 GB ราคา 37,900 บาท มีจำหน่ายเฉพาะโอเปอร์เรเตอร์เท่านั้น

AIS ลดสูงสุด 7,000 บาท ดูรายละเอียดที่นี่ www.ais.co.th/samsungs9
Truemove-H ลดสูงสุด 7,000 บาท ดูรายละเอียดที่นี่ www.dtac.co.th/samsung-galaxy-s9
DTAC ลดสูงสุด 10,000 บาท www.truemoveh.com/galaxys9/pre-order

ซึ่งเงื่อนไขเรื่องของราคาจำหน่ายขึ้นอยู่กับโอเปอเรเตอร์

ส่วนของแถมนั้นมี
1. ประกันจอแตก ร้าว 1ปี
2. Wireless Charger Convertible มูลค่า 2,090 บาท

สีที่มีจำหน่ายในไทยคือ Lilac Purple ,Coral Blue , Midnight Black

ขอบคุณ : Samsung Thailand ที่เอื้อเฟื้อโอกาสครับ

jetboat

Jetboat is a Bangkok-based tech blogger and has more than ten years of blogger sence in Thailand Specializes in mobile application , tech industries , security ,gadget, mobile marketing ,social network.

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Back to top button