
Huawei Mate Xs คือการสานต่อเทคโนโลยีของโทรศัพท์จอพับได้ หรือที่เรียกว่า Foldable Phone หลังจากรุ่นแรกนั้นเปิดตัวกันมาเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็ยังวางขายในวงจำกัด และนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่หัวเว่ยบอกกับเราโดยนัยว่า นี่คือวันที่เทคโนโลยีในการพัฒนาเรื่องของจอที่โค้งงอได้ เราพร้อมแล้วกับการขายจริงในตลาดโลก
แรกสัมผัส HUAWEI Mate Xs
ขุมพลังความแรงที่ด้านในใส่ของแรงมาให้โดยเป็น CPU เป็น Kirin 990 5G ซึ่งเขาบอกว่าแรงขึ้นกว่า Kirin 980 ประมาณ 23 % และ GPU ที่เร็วขึ้น 39% และ NPU ที่ดีขึ้นถึง 460%
แน่นอนว่าการองรับ 5G นั้นคือจุดขายที่หัวเว่ยเองพูดบนเวที โดยมีการเปรียบเทียบกับคู่แข่งซึ่งคุณต่างก็รู้ว่าหมายถึงใคร โดยว่าโทรศัพท์ของพวกเขาคือโทรศัพท์จอพับได้ ที่สามารถทำความเร็วในการอัพโหลดได้เร็วกว่าถึง 36% ดาวน์โหลดได้เร็วกว่าถึง 88%

ส่วนเรื่อง Ram ให้มา 8GB และ ROM 512 GB แบตเตอรี่ความจุ 4500mAh
มีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว SuperCharge รองรับการชาร์จ 55W ที่ชาร์จได้ไวขั้นสุดคือ
ได้ความจุถึง 85% ภายใน 30 นาที
ในเรื่องของระบบปฎิบัติการณนั้นมากับ Android 10 ที่มี EMUI 10 เป็นตัวครอบอีกชั้น
มี Dark Mode แบบที่เคยเปิดตัวไปก่อนหน้า หน้าจอใหญ่ขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องมีความสามารถในการเปิดใช้งานหลายหน้าจอ ด้วยการปัดจากขวาของขอบจอ แล้วจะทำการเปิดเปิดแอพ 2 หน้าจอเป็นการแบ่งซ้าย-ขวา รวมถึงการเปิดแอพแบบ Picture-in-Picture
หน้าจอแสดงผลเป็นจอแบบ OLED ความละเอียด 2480 x 2200 พิกเซล เมื่อกางออกมาจะมีขนาดกว้างถึง 8 นิ้ว และเมื่อพับกลับเข้าที่ ขนาดของจอหลัวชงฝั่งที่มีกล้องจะอยู่ที่ 6.38 นิ้ว และจอหลักจะมีขนาด 6.6 นิ้ว อัตราส่วนของการแสดงผลอยู่ที่ 19.5:9 และ 25:9

ในเรื่องของแข็งแรงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เราคิดว่าหัวเว่ยพัฒนาสินค้ามาได้เร็วมาก เพราะจากปีที่แล้ว สื่อมวลชนไทยส่วนมากคือได้ดูแค่ด้วยตา แทบไม่มีโอกาสได้สัมผัสเครื่องด้วยซ้ำ
แต่ปีนี้เรามีโอกาสได้สัมัสเครื่องที่ ได้ลองจับอยู่หลายตัวมาก แต่ก็มีคำขอมาว่าช่วยกันจับอย่างถนอมๆ เบาๆ มือหน่อย ซึ่งนั่นเราเข้าใจได้เป็นอย่างดี แต่ถึงกระนั้นเราก็เลยเข้าใจว่าทำไมปีนี้ถึงจับต้องลองของได้จริง เพราะนี่คือเครื่องที่พร้อมใช้ และสามรถวางขายได้แล้วในตลาด
วัสดุหน้าจอนั้นเป็นพลาสติก Polymer แบบ 3 ชั้น ที่มีความแข็งแรวแข็งแรงกว่าเดิมถึง 80%
ตัวบานพับใช้เป็นโลหะแข็ง ที่มีการเคลมว่าแข็งแรงกว่าเดิมถึง 30%
ในส่วนของแก่นกลางจอนั้นเมื่อคลี่ออกมาก็ไมได้ถึงกับเป็นว่ามีจุดนูนเด่นจนเข้ามากวนสายตาแต่งอย่างใด
ซึ่งจากที่เราลองสัมผัสหน้าจอ เราพบว่านี่เป็นโทรศัพท์ที่ความแม่นยำของจออยู่ในเกณฑ์ที่ดี การพิมพ์นี่จัดว่าติดนิ้ว จิ้มได้พริ้วอยู่ ถึงจอจะหนาเหนียวขึ้นยังไง แต่ก็ยังใช้สติ และต้องใช้ความตั้งใจในการกดคลี่จออกมาอยู่ดี คือที่ด้านหลังจะมีปุ่มสีแดงสำหรับกดให้โทรศัพท์คลี่ตัวออกมา
และการกดพบพับกลับเข้าไปยังต้องใช้สองมือช่วยกับพับโทรศํพท์ ในส่วนของบานพับเรารู้สึกว่ามันยังมีแรงต้านเบาๆ คือตอนกดเนี่ยแล้วเอานิ้วโป้งของมือทั้ง 2 ข้างกดไปที่กลางจอ เพื่อให้มีน้ำหนักในการกดสำหรับการพับ

ในเรื่องของกล้องนั้น โทรศํพท์รุ่นนี้ให้มากับ 4 เลนส์ที่เป็นร่วมมือกับ Leica เช่นเคย หลายคนบอกว่ากล้องนี่คือตัวเดียวกับ Mate 30 Pro เสียด้ายซ้ำ คือมาแบบเดียวกันตั้งเต่เรื่องของ UI และไล่กันไปถึงชิ้นเลนส การซูมระยะไกลยังคงทำได้เท่ากันคือ 30 เท่า

ในส่วนของ 4 ชิ้นเลนส์นั้นประกอบด้วย เลนส์หลัก SuperSensing Wide ความละเอียด 40 พิเซล f/1.8 มากับเซ็นเซอร์ RYYB เลนส์ที่สองเป็นเลนส์ Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิเซล f/2.4 มี OIS เลนส์ที่สามเป็นเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และเลนส์ตัวสุดท้ายเป็นเลนส์ TOF ความละเอียด 1 ล้านพิกเซล

การถ่ายเซลฟี่ด้วย Huawei Mate Xs นั้นมีวิธีการนิดหน่อย คือ เปิดกล้องที่หน้าจอหลัก แล้วกดปุ่มหมุนกล้อง จากนั้นค่อยหันจอด้านหลังมาไว้ที่ตำแหน่งด้านหน้า เพราะโทรศะท์รุ่นนี้ไม่มีกล้องหน้าครับ
ราคา HUAWEI Mate Xs
ในเรื่องของราคานั้นมีการประกาศอยู่บนเวทีอยู่ที่ 2,499 ยูโร หรือประมาณ 85,000 บาท จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วโลกในเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งจะมีการประกาศผ่านหน้าเว็บต่อไป แต่เราคิดว่าถ้าลองเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนไทยได้ใกล้ชิดหยิบติดมือขนาดนี้ ต้องมีนำเข้ามาขายในประเทศไทยแน่นอน เพราะมีการพิสูจน์มาก่อนหน้านี้แล้วว่า ตลาดสำหรับโทรศัพท์จอพับได้ในระดับไฮเอนด์ยังมีผู้ที่สนใจในจำนวนไม่น้อยอยู่

ขอบคุณ : Huawei ประเทศไทย สำหรับโอกาสครับ