HUAWEI FreeBuds 4 นี่คือการตอกย้ำการปูพรมเรื่อง wearable ของค่ายนี้อย่างต่อเนื่อง
โดยรอบนี้เป็นหูฟัง Earbuds แบบ Open-Fit ชูจุดขายเรื่องคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res
และรองรับการเชื่อมต่อ Dual Device แบบ 2 อุปกรณ์ใน Eco System ของพวกเขา และน้ำหนักเบาเอาใส่หูแล้วไม่ล้า
การจับคู่ครั้งแรกนะครับ นะครับก็คือเปิดเทสกดปุ่มด้านข้างค้างไว้ 2 วินาทีครับแล้วก็นสถานะไฟเป็นสีขาว
ก็จะเข้าสู่โหมดการจับคู่แบบอัตโนมัติครับ ถือว่ามองเห็นกันไวดี
การควบคุมหูฟัง แม้ว่าจะข้ามแพลตฟอร์มมายัง iOS ก็ยังมีแอผปพลิเคชั่นสำหรับควบคุม อย่าง Huawei AI Life อยู่ คือถ้าคุณใช้ผลิตภัณฑ์ขอบค่ายนี้หลายๆ ชิ้น หรือแม้แต่โดยจากการใช้หูฟังเราตัวแรกก็แนะนำให้คุณดาวน์โหลดมาติดเครื่องไว้ เพราะคุณสมบัติลึกๆ เช่น การค้นหาหูฟัง , การปรับคุณภาพเสียง การกำหนด Short Cut , การอัพเดทเฟิร์มแวร์ หรือแม้แต่ปรับ EQ ก็เริ่มจากแอปนี้ทั้งหมด แต่ถ้าจะเอาให้สุดก็ต้องอยู่บน HarmonyOS อยู่ดี
ก่อนที่จะไปกันต่อ เราต้องอธิบายเรื่องของรูปทรงของหูฟังกับช่องหูกันก่อน เพราะมนุษย์มีรูปทรงของกระดูกอ่อนบริเวณหู และรูหูที่แตกต่างกัน มันไม่มีครับที่ One Size Fit All คือในเรื่องของตำแหน่งของการเสียบเข้าไปในหู คือไม่ใช่ “ทุกคน” จะมีกระดูกอ่อนที่สามารถล็อคหูฟังได้พอดีแบบนี้ คือหูฟังทรงนี้ใส่สบายครับ ใส่ได้นานด้วย แต่คนที่ไม่ได้มีกระดูกอ่อนตรงนี้จะเจอปัญหาเรื่องนึงคือ “ใส่แล้วหูฟังหลุดร่วงง่ายมาก” โดยเฉพาะก้านที่ยาว มันมีโอกาสเกี่ยวหลุดลงมาอีก ก็จะแนะนำถ้าต้องเดินไปไหนมาไหนสำหรับคนที่กระดูกออ่นข้างหูไม่ได้มาทรงนี้ ใช้รุ่น 4i จะเหมาะกว่า เพราะก้านสั้นกว่า และมีจุกยางด้วย
มองในแง่เทคโนโลยีกันก่อน คืออะไรที่ว่าดีค่ายนี้เขาก็ใส่มาให้ไม่ค่อยกั๊ก อย่าง Noise Cancelling 2.0
การเชื่อมต่อก็ถือว่าให้มาตามสมัยนิยมเลยก็เป็น Bluetooth 5.2 เรื่องการคุยผมทดสอบการคุยในห้างปลายทางตอบรับกลับมาว่าชัดดี เบื้อหลังคือ Open-Fit ANC 2.0 และไมโครโฟน 3 ตัว จัดว่าให้มาไมค์เยอะ .. เรื่องคุยน่ะไม่มีปัญหา มีแต่ผมที่พะวงนี่ล่ะว่ามันจะหลุดจากหู
หูฟังหัก 4.1 กรัม เคสชาร์จ 38 กรัม เรื่องการระบายอากาศอันนี้คือดีขึ้น
ความจุแบตเตอรี่ หูฟังอยู่ที่ 30 mAh และ 410 mAh สำหรับเคสชาร์จ ส่วนอายุการใช้งานนี้ก็อยู่สูงสุดที่ 22 ชั่วโมง โดยมีการเสียบชาร์จที่ในกล่องนะครับ ถ้าใช้ ANC ฟังต่อเนื่องจะใช้ได้ 2 ชั่วโมง แต่ถ้าไม่ใช้ ANC ก็ใช้ได้นาน 4 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จไฟนั้นก็ใช้เป็น USB Type-C นะครับตามสมัยนิยม ชาร์จไฟเอาเต็มใช้เวลา 1 ชั่วโมงสำหรับหูฟัง และใช้เวลา50 นาทีสำหรับเคสชาร์จ
ในกล่องมีสาย USB C เนี้ยบๆ ให้มาเพียง 1 เส้นนะครับ ส่วนมาตรฐานการกันน้ำ IPX4 ถ้าใส่ในชีวิตประจำวันก็ไม่ต้องกลัวเรื่องความชื้น
อ่อ .. มีอันนึงที่น่าสนใจแล้วก็ลักษณะของ Dual Device Connection ซึ่งจะรองรับกับอุปกรณ์ที่เป็นของ Huawei เท่านั้นนะครับ เช่น นาฬิกา โทรศัพท์ หรือว่าแท๊บเล็ต .. พอดีได้มาแค่หูอันเดียวโดดๆ ก็ขออนุญาตข้ามตรงนี้ไปนะครับ
เราลองทดสอบการดูหนังผ่าน DineyPlus Hotstar และ Netflix ลองทดสอบกับหนังแนวระเบิดภูเขา เผากระท่อม สิ่งที่หวังได้ดีคือมันไม่หน่วง อาการเสียงไม่ตรงปากตัดไปได้หายห่วง แต่ความผู้ดีของหูตัวนี้นี่ล่ะมันทำให้ดูหนังแอคชั่นไม่สนุกเอาซะเลย!
พวกหูฟังทรงจุกจะได้เปรียบกว่าแม้ว่าจะมีราคาค่าตัวที่ถูกกว่า
ขณะที่เราลองเล่นเกมที่เล่นประจำอย่าง Honkai Impact เสียงพูดนี่ชัดเปรี๊ยะๆ เสียงตวัดดาบวิ่งผ่านหูดังขวับ จับเสียงเอ็ฟเฟ็ค ฟังเพลงจากเกมได้สนุกมากคือเรื่องนี้แบรนด์ที่พูดมาถือว่าพวกเขาทำได้อย่างที่พูดจริง
Hits the High Notes หมายความว่าอะไร
อันนี้ถ้าเราแปลตามเสปค ที่ระบุคือ LCP Driver ที่ใส่มานี่อยู่ที่ขนาด 14.3 มิลลิเมตร คือหูฟังสมัยนี้พยายามหาวิธีขยายส่วนนี้เพื่อเพิ่มกำลังขับ ซึ่งสามรถดันกันขึ้นไปได้สูงสุดถึง 40 kHz
เลข 40 kHz นี้มีผลยังไงต้อการฟัง .. คือตรงนี้เรายกว่าย่าน “Middle High” ครับ
ถ้าคุณเอาไปฟังพวกเพลงที่เน้น Guitar (พอไหวนะถ้า Acoustic ) เน้นเพลงฟังที่เป็นเสียงผู้หญิง เน้นฟังพวกเสียงเครื่องทองเหลืองคือเครื้่องดนตรีพวกนี้ ชัดๆจัดจ้านอยู่ในย่านนั้นอยู่แล้ว และที่เขาบอกว่า “Hits the High Notes” คือถ้าเทียบกับเปียโนที่ 88 คีย์ นี่ก็อยู่แถวๆ อ๊อคเตฟเกือบสุดท้าย
แกะกล่องลองฟัง HUAWEI FreeBuds 4
เราเริ่มทดสอบกับหนังแนวระเบิดภูเขา เผากระท่อม สิ่งที่หวังได้ดีคือมันไม่หน่วง! อาการเสียงไม่ตรงปากตัดไปได้หายห่วง!! แต่ความผู้ดีของหูตัวนี้นี่ล่ะมันทำให้ดูหนังแอคชั่นไม่สนุกเอาซะเลย !!! เอาตรงๆ .. หูฟังทรงจุกจะได้เปรียบกว่าแม้ว่าจะมีราคาค่าตัวที่ถูกกว่า
ขณะที่เราลองเล่นเกมที่เล่นประจำอย่าง Honkai Impact
เออ..นี่ล่ะที่ต้องการเสียงพูดนี่ชัดเปรี๊ยะๆ เสียงตวัดดาบวิ่งผ่านหูดังขวับ จับเสียงเอ็ฟเฟ็ค ฟังเพลงจากเกมได้สนุกมาก คือเรื่องความเป็นเสียงผู้ดี๊ผู้ดีในเรทราคานี้เนี่ยยอมเลย
Give Life Back to music – Daft Punk
ตอนที่เคยลองรุ่นท๊อปของค่าย เขาเอา Get Lucky มาให้ลอง คือด้วยความมั่นใจของเขาล่ะ
ซึ่งโอเค..ตัวนี้คือสอบผ่านกับเพลงที่รายละเอียดยุ่บยั่บขนาดนั้นถ้ามองในเรทค่าตัวของรุ่นรองลงมา
มันก็ไมได้ย่อหย่อนกว่ากันเท่าไหร่
เสียงรุ่มนวมสมควรตามราคาอยู่ ไม่ว่าจะไลน์เบส หรือไลน์กีตาร์ที่ดึงความวินเทจของเสียงออกมาได้อยู่ตามสมควร อาจะไม่ถึงกับว่าหลับตาฟังแล้วมี Disco Ball ลอยมาอยู่ตรงหน้า กีตาร์ค่อนข้าวงออกมาพุ่งอยู่ระดับนึง คือด้วยทรงของหูด้วยล่ะ ว่าถ้าอยากได้เต็มมันต้องยัดลึก ซึ่งอาจจะไม่ใช่รูปทรงหูทุกคนจะเหมาะกับหูฟังทรงนี้ ซึ่งพอยัดแล้วรายละเอียดถึงมาเยอะขึ้น
Sweet Child O’miles – Guns N’ Roses
จากที่เราฟังไปสองเพลงแรก เอาจริงๆ เรายังไม่คิว่าจะฟังร็อคอะไรดุเดือดเท่าไหร่นะ เลยเลือกแทรคกลางๆ อย่างเพลงของวงดอกไม้และไกปืนมาฟัง กีตาร์รึทึ่มของ Izzy Stradlin กับการลีดส์ของ Slash เอาจริงๆ ยังมาไม่สุด คืออยู่ในระดับที่ฟังเอ่เพลินได้ ขณะที่เสียงหนังกลอง Steven Adler ค่อนข้างจะให้ความประทับใจ โดยเฉพาะเสียงเครื่องทองเหลืองในท่อนจบคือให้ความรู้สึกดูจริง
โอเค . . ถ้าไม่ใช่ก็อย่าฝืน แต่ขอลองอีกเพลงได้มั้ย
MAYHEM – Voces Ab Alta
เราลองเขยิบมาระดับ Black Metal ดูบ้าง คือความโอ่ของเวทีเราให้ระดับอยู่กลางๆ เสียงสับริฟท์นี่ใสกริ๊งมาเป็นเม็ดรายละเอียดให้ออกมาดี แต่ความโหดในการสำรอก หรือกระเดื่องลากนรก มันไม่มีความน่ายำเกรงในเพลงเลยด้วยประการทั้งปวง คือมันก็ไม่เชิงว่าเป็นความไม่ดีไม่งาม แต่ระดับความทำลายล้างจางไปหน่อยเมื่อมาฟังจากหูตัวนี้คือขยี้ซะดูสะอาด กลิ่นความมืดมืนถูกวนด้วยสารส้มไปแล้ว!!!
คือการปรับแต่งของหูฟังตัวนี้ จากที่ผมฟังในหลายเพลงก่อนหน้าคือทำให้ทุกคนฟังได้กับเพลงปกติทั่วๆ ไป พอมาลองกับเพลงแนวนี้ยิ่งชัดเลย ใครจะเอามาฟังเพลงเลือดสาดให้ปาดข้ามไป
สายตาหลอกกันไม่ได้ (Eyes don’t lie) – INK WARUNTORN
เรากลับมาลองกับเพลงที่ทุกคนฟังได้ ฟังแบบเข้าใจง่ายไม่ต้องปีนบันได้ คือด้วยความที่เป็น City Pop ถ้าคาดหวังการฟังเพลง เพราะ ขอเอากลาง เอาแหลม เอาเบสหนุบหนับ เสียงโปร่งออกแนวคมๆ หน่อย เสียงซินทฺ เสียงลีดกีตาร์ที่พุ่งออกมาจับว่าชัด หูฟังนี้คือความหวังของหมู่บ้าน ให้รายละเอียดโน้ตฟังสนุก พอยิ้มเพลินๆ แต่ไม่ถึงกับได้อารมณ์เรโทรจ๋าๆ
Music – Nightwish
ลองเขยิบมาฟังเพลงแบบ Symphonic Metal ดูบ้าง คือด้วยตัวเพลงมันจะมีความใกล้เคียงกับการฟังเพลงประกอบหนัง และนั่นคือเราเริ่มรู้จักเจ้าหูฟังตัวนี้ขึ้นมาอีกนิด กับเสียงกลองยังคงเป็นเรื่องที่เราชอบ ส่วนริฟท์กีตาร์นั้นออกไปทางสะอาด ส่วนความโอ่อ่านี่เข้าใจว่าคือพยายามเป็นจุดขายเขาล่ะ แต่อย่างที่บอกที่แบรนด์เขาพูดเรื่องขนาดไดรเวอร์ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เกินเลยเท่าไหร่ แต่ที่ขัดใจคือความโรมรันระหว่างความเป็น Metal กับ Orchestra มาได้แค่แบบกลางๆ
The Phantom Of The Opera – Andrew Lloyd Webber
โอเค..เห็นว่าเน้นชูเรื่องการฮิตโน้ตสูงๆ เลยลองแทรคีนี้ก่อนเป็นการประเดิม คือจาก 10 ผมให้ 7.5-8 จากคะแนนเต็ม 10 นะ
คือเพลงมันมีความโอ่อ่าเอาเรื่องอยู่ คืออย่างการกรีดสายที่เป็นโลหะมันชัดอยู่แหล่ะ ความโอบล้อมค่อนข้างดี เกือๆ จะกว้างละ ตัวเบสกำลังพอดีๆ ส่วนเรื่องเครื่องสายนี่สวยๆอยู่ประมาณนึง คือถ้าเอาหรูหรากว่านั้นคงต้องไปหาตัวท๊อปของค่ายละ
Kaerareru Noha Mirai Dake – KREVA
ลองเอามาฟัง Hip – Hop ดูบ้าง คือเพลงที่เหมาะกับหูฟังตัวนี้หน่อย คือเพลงที่มิกซ์ออกมากลางๆ โปร่งๆ ติดแหลมหน่อย
จะฟังแล้วรู้สึกสบายไม่อึกอัดความความทึบ ให้สุ้มเสียงที่สมัยใหม่ สุ้มเสียงล้ำๆ ตามหน้าตา ทั้งตัวของเบสที่เดินย่อ หรือซินธ์ และท่อนร้องที่รู้สึกเหมือนอยู่ข้างหู
เท่าทีฟังมา เออ..มันต้องเพลงแบบนี้ล่ะ ที่ให้ความรู้สึกว่าที่เหมาะกับหูฟังตัวนี้
ซื้อดีมั้ยหูฟัง Huawei FreeBuds 4
อย่างที่ออกตัวไปตอนแรก และจากที่เราใช้ชีวิตอยู่กันมัน คือหูฟังตัวนี้เน้น “เทคโนโลยี และ Eco System” ครับ ถ้าจะใช้ให้เต็มเท่าที่ทำได้ก็ต้องใช้อุปกรณ์เขาทดสอบทั้งหมด ซึ่งเราได้มาเฉพาะ “หูฟัง” มาแบบโดดๆ ก็เลยไม่ได้ทดสอบเรื่องของการสลับไปมากับ Device แบบไร้รอยต่อ ไม่ได้ลองเรื่องการปรับคุณภาพเสียงแบบปรับสุด หรือคุณภาพการอัดเสียงพูดเมื่องใช้กับมือถือค่ายเขา
ฉะนั้น .. ผมจะสรุปและมองในมุมคนที่ขาข้างนึงอยู่กับงานเสียง ที่ทดสอบบน iOS ก็แล้วกัน
เราก็ยังย้ำคำเดิม .. เขาขายเทคโนโลยีไมค์ชัด การ Pair นี่นิ่งดี แอปไม่ได้แย่แบบที่ให้คะแนนซะโบ๋
อันนี้ผมพูดในฐานะที่ใช้นาฬิกาค่ายนี้มาทุกรุ่นตั้งแต่วางตลาด
ยกเว้นตัวล่าสุดเพราะเขาไม่ได้ส่งมา นั่นคือเรื่องที่ผมเสียดายเรื่องที่สอง
ฉะนั้นผมก็จะเห็นพัฒนาการเรื่องแอป คือค่ายนี้พยายามอัพเดทแอปให้ดี ไม่ได้ดีแบบหวือหวาแต่มาแบบเรื่อยๆ .. ก็ใจเย็นกับเขาหน่อย
หูฟังก็เช่นกัน .. เขาก็พยายามจูนหูฟังมาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ นะ แต่รุ่นนี้วางตำแอหน่งทางการตลาดไว้ตรงกลางไง
ผมพูดกับเพื่อนฝูงที่ทดสอบว่า คือ เขาพยายามเซ็ตหูฟังตัวนี้ให้ดูเป็นมิตรกับทุกคน คือไม่ได้สุดไปทางหวาน ไม่ทานเผ็ด
คือถ้าเป็นคนนิสัยก็ออกจะเรียบๆ คบไม่ยากแต่จะคบด้วยต้องจุกจิกรายละเอียดนิดนึง
การแต่งตัวก็เช้าทำงานใส่สูทกระโปรงฟิต แต่เข้าบ้านค่ำๆ แล้วปลุกความเป็น Divo หรือ Diva ในตัวขึ้นมาเวลาอยู่หน้ากระจก
คือผมมีตัวรองรุ่นก่อนหน้า เสียดายไม่มีตัวท๊อปไม่งั้นจะชี้ชัดได้มากกว่านี้
ดูทรงเขาน่าจะบุกเรื่องเพลงมากขึ้น พราะนี่ก็มี Huawei Music ที่เริ่มเดินเครื่องไป
ผมอาจจะตอบไม่ได้ได้ชัดเท่าไหร่ว่าเขาควรทำอะไรต่อในแง่ของความเป็นดนตรี
เว้นแต่เขาอยากชูจุดขายเรื่องเพลงมากกว่านี้ แล้วส่งมาให้ลองแบบครบองค์ หรือหันหน้ามาปรึกษานั่นก็อีกเรื่อง
อ่อ ..ก่อนซื้อกรุณาลูบกระดูกหูตัวเองทุกครั้งก่อนนั่งกดออเดอร์ครับ
คือหูน่ะดีทราคาน่าจ่ายไม่น่าเสียดายเงิน แต่ว่าไม่ได้มีหูตัวไหนในทรงนี้ที่ One Size Fit All
ถ้าร้านเขาเปิดตอนไหน ถ้าไปลองเองได้..ก็อยากให้ไปลองครับ
หูฟังมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเงิน Silver Frost และสีขาว Ceramic White
วางจำหน่ายในราคา 5,999 บาท ลดพิเศษสำหรับโปรโมชันพรีออเดอร์เหลือเพียง 4,499 บาท
พร้อมรับฟรีบริการ HUAWEI Music VIP นาน 3 เดือน รวมมูลค่า 387 บาท
เมื่อซื้อระหว่างวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 ถึง 22 กรกฎาคม 2564 ครับ
สามารถเป็นเจ้าของได้ที่ HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์ที่ร่วมรายการอย่าง HUAWEI Online Store, Shopee, Lazada และ JD Central
ขอบคุณ : Huawei Thailand ที่เอื้อเฟื้อสินค้าในการทดสอบครับ