Nintendo Switch รุ่นใหม่จอ OLED ที่จะเปิดตัวในเดือนตุลาคมนี้ นั้นมากับหน้าจอแบบ OLED ขนาด 7 นิ้วในราคา $350 เราเชื่อว่าหลายคนคงรู้สึก “ควรเปลี่ยนจากหน้าจอแบบ LCD ซะที เพราะที่ใช้อยู่ตอนนี้มันค่อนข้างแย่”
แต่หลายคนก็กังวลกันว่าจะเจอกับปัญหาการ Burn In ที่หน้าจอหรือเปล่าซึ่งปัญหานี้เคยเกิดกับทีวี OLED ในยุคหหนึ่ง
จากการที่ประกาศเปิดตัวไป ทาง Nintendo เน้นชูจุดเด่นเรื่องของ “สีสันสดใส และคอนทราสต์ที่คมชัด” บนจอแสดงผล OLED ขนาด 7 นิ้ว ซึ่งเป็นการแก้ไขข้อด้อยจอของ LCD ที่ให้คุณในระดับปานกลาง ในแง่ของคอนทราสต์และสี
ความแตกต่างระหว่างหน้าจอ OLED และ LCD
หน้าจอ LCD และ OLED มีความแตกต่างระหว่างกันอย่างมากในแง่วิธีการที่ทำให้เกิดความสว่าง และการแสดงภาพบนหน้าจอ
ไม่ว่าจะเป็นทีวีหรือแท็บเล็ต ใช้พิกเซลแสดงผล ภาพที่คุณเห็นบนหน้าจอถูกสร้างขึ้นจากการรวมพิกเซลย่อยสีน้ำเงิน สีเขียว และสีแดง เพื่อสร้างสีที่คุณเห็นบนหน้าจอ ซึ่งต้องเปิดไฟเพื่อให้ชุดสีปรากฏขึ้น
จอภาพ LCD หรือผลึกเหลวใช้ไฟแบ็คไลท์อย่างน้อยหนึ่งดวง ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นแผงขนาดใหญ่เท่ากับหน้าจอของอุปกรณ์จริง
เพื่อสร้างแสงสีขาวคงที่ทุกครั้งที่คุณเปิดหน้าจอ ทำให้ทุกอย่างสว่างเท่ากัน ข้อด้อยของ LCD คือมันใช้พลังงานมาก
ซึ่งอาจเป็นข้อเสียสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟนที่ใช้ LCD เช่น Nintendo Switch ดั้งเดิม แต่ LCD ก็มีราคาไม่แพงเช่นกัน
ส่วนจอภาพ OLED ไม่ต้องพึ่งพาไฟแบ็คไลท์ แต่เป็นพิกเซลที่สว่างในตัวเองแทน
พิกเซลในจอแสดงผล OLED ทำงานแบบพิกเซลต่อพิกเซล ซึ่งหมายความว่าจะส่องสว่างขึ้นเฉพาะเมื่อมีภาพแสดงเท่านั้น
จึงสร้างคอนทราสต์ได้ดีกว่า LCD และใช้พลังงานน้อยกว่า ซึ่งจอ OLED นั้นแพงกว่า LCD และไม่สว่างเท่า LCD
ข้อดี – ด้อย ของจอ OLED
เราต้องเริ่มเข้าใจจากพื้นฐานกันก่อน หน้าจอทุกของทีวี โทรศัพท์ แล็ปท็อป แท็บเล็ต สมาร์ทวอทช์ และเกมคอนโซลแบบพกพาในวันนี้ มีการใช้เทคโนโลยีหลักสองอย่าง คือ OLED (ซึ่งเป็นไดโอดที่เปล่งแสง) และ LCD (จอแสดงผลคริสตัลเหลว)
ซึ่ง OLED ให้คุณภาพของภาพที่ดีกว่าหน้าจอ LCD ส่วนใหญ่ในเรื่องของสามารถสร้างเฉดสีดำที่สมบูรณ์แบบ ในเรื่องของสร้างคอนทราสต์ และการให้ให้สีที่อิ่มตัว และสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ข้อเสียประการหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นกับเทคโนโลยี OLED ที่เรียกว่าการ Burn In หรือ “การคงอยู่ของภาพ”
จะเกิดขึ้นเมื่อมีส่วนหนึ่งของภาพแช่บนหน้าจอนานเกินไป เช่น ปุ่มนำทาง โลโก้ช่อง แถบวิ่งรายการข่าว หรือกระดานคะแนน
ผู้ผลิตทีวีและโทรศัพท์ที่ขายหน้าจอ OLED ล้วนแต่รับทราบถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องนี้
แต่พวกเขาทั้งหมดระบุว่าเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ภายใต้สถานการณ์ที่ “รุนแรง” หรือ “หายาก”
การคงอยู่ของภาพจะเกิดขึ้นได้เมื่อต้องมีภาพที่นิ่งในระยะเวลานาน
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้สามารถใช้มาตรการป้องกันเพื่อรักษาหน้าจอ โดยใช้คุณสมบัติที่รวมอยู่ในระบบ Nintendo Switch เช่น การปรับความสว่างอัตโนมัติเพื่อป้องกันไม่ให้หน้าจอสว่างเกินไป และฟังก์ชั่นพักอัตโนมัติเหลังจากช่วงเวลาสั้นๆ
โดยปกติแล้วหน้าจอของเกมเป็นจอแสดงผลที่จะแสดงเกมเป็นหลัก มัก จะมีองค์ประกอบคงที่อย่างแน่นอน – คะแนนคงที่ที่มุมจอ, แถบชีวิต, จำนวนกระสุน, ไอคอนสถานะ สิ่งเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้หากปล่อยบนหน้าจอเป็นเวลานานในระยะเวลาหนึ่ง อาจจะจะทำให้เกิดการ Burn In แต่องค์ประกอบกเหล่านี้จะต้องอยู่บนหน้าจอเป็นเวลาหลายชั่วโมงในแต่ละครั้งถึงทำให้เกิดผลเสียได้
แต่ถ้าคุณเล่นเกมที่แตกต่างกัน ก็จะช่วยช่วยลดหรือขจัดปัญหาได้
ด้วยการใช้พลังงานที่น้อยลง ในทางทฤษฎีแล้ว Nintendo Switch ที่มีหน้าจอ OLED ควรมีประสิทธิภาพแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม การใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 4310mAh แต่ตามที่ Nintendo ระบุไว้ อายุการใช้งานแบตเตอรี่จะแตกต่างกันไปตามเกมที่คุณเล่น
เราคิดว่า : การเปลี่ยนแปลงในเรื่องจอครั้งนี้ของ Nintendo Switch ก็เป้นการเปลี่ยนเกมของตัวเองให้ทันยุคมากขึ้น การแสดงผล 4K นั้นเป็นเรื่องมาตรฐานของเครื่องเล่นเกมยุคใหม่ แต่นั่นคงไม่ใช่ทางที่ Nintendo เลือกเพราะเครื่องเล่นเกมยังคงใช้ประโยชน์ในการของการพกพาซึ่งยังคงต้องคำนึงถึงการใช้พลังงาน และแฟนๆคงอยากได้ภาพที่คมชัด สีสวย สมจริง ซึ่งอิงความเคยชินจากอุปกรณ์อื่นๆ รอบตัว