Samsung Galaxy M53 5G สมาร์ทโฟนระดับกลางที่วางขายเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น
โดยมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่ รองรับ 5G จอใหญ่ ในขนาดตัวน้ำหนักเบาเพียง 176 กรัม
ใช้ได้ตลอดวันกับแบตเตอรี่ที่ความจุ 5000mAh และกล้องหลังความละเอียด 108 ล้านพิกเซล
แกะกล่องลอง Samsung Galaxy M53 5G
ตัวเครื่องนั้นรองรับ 2 Sim แบบ Nano SIM โดยช่องที่ 2 คุณสามารถเลือกเอาได้ว่าจะใส่ microSD Card หรือว่าจะใส่ซิมใบที่ 2 สำหรับใครที่ยังอยากใส่หน่วยความจำภายนอกเพิ่มด้วยตัวเองนั้น นี่ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีอยู่เพราะสามารถใส่ได้สูงสุด 1TB ส่วน Ram 8 GB และ Rom 128 GB
ในส่วนของหน้าจอนั้นมากับขนาด 6.7 นิ้ว แบบ Infinity-O Display ความละเอียดหน้าจอแสดงผล FHD+ Super AMOLED Plus อัตราส่วน 20:9 ด้วยความที่จอนั้นเป็น Amoled การแสดงสีจะออกไปทางแนวสีสันสดมากๆ และสิ่งที่ดีคือ Refresh Rate เขยิบมาที่ที่ 120Hz จัดมาว่าเนียนตาแต่ถ้าแลกมากับการการใช้พลังงานอยู่สักหน่อย ซึ่งถ้าเราต้องการให้โทรศัพท์มีชั่วโมงการใช้งานที่มากขึ้นเล็กน้อยสามารถไปปรับกลับมาเป็น 60 Hz ก็ได้ครับ
ส่วนกล้องหน้านั้นฝังมากับจอกับความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
ขุมพลังนั้นให้ความแรงมาพอตัวคือ MediaTek Dimensity 900 Octa-core ความเร็ว 2.4GHz แตกต่างจากรุ่นพี่ที่ใส่มาด้วย Snapdragon 778G 5G แต่ขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่มากับ One UI 4.1 เหมือนกัน
ในรูปร่างที่เข้ามือนั้นมากับความบางเพียง 7.4 มิลลิเมตร และภายในนั้นให้แบตเตอรี่ที่ความจุ Li-Po 5000 mAh ก็เพียงพอต่อการใช้งานได้ตลอดหนึ่งวัน และยังรองการรองรับ Fast charging ที่ 25W แต่หัวชาร์จที่เป็นแบบ Super Fast Charging จะจัดจำหน่ายแยกต่างหากออกไป และในส่วนของ Reverse Charging รุ่นนี้ไม่ได้รองรับนะครับ
ตัวเครื่องรองรับกับ Dolby Atmos แต่นั่นหมายความว่าต้องใช้คู่กับ รองรับชุดหูฟังสเตอริโอ และลำโพง BT ที่รองรับเท่านั้น ซึ่งการตั่งค่าตรงนี้ต้องเข้ามาทำการเปิดใช้งาน Dolby Atmos ใน Settings ซึ่งหูฟังที่รองรับนั้นต้องซื้อแยกต่างหาก
การเชื่อมต่อแบบไร้สายนั้นรองรับรองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac 2.4G และ 5GHz, Bluetooth 5.2, NFC ส่วน พอร์ต USB นั้น Type-C แต่ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 จุดสังเกตุนิดนึงคือไม่มี Wi-Fi 6 แบบรุ่นพี่ แต่รองรับ 5G แน่นอน
ด้านวัสดุ นั้นให้ความร้สึกเรียบหรูดูแพงในทุกสัมผัส แม้มองด้วยตาอาจจะไม่ได้หวือหวา แต่เมื่อเอาวางใกล้แสงไฟแล้วไล่เล่นเงา ก็มีเงาสะท้อนพอให้เราได้เห็น
ในส่วนของตัวกล้องนั้น มาพร้อมกับกล้องสี่เลนส์ที่ความสามารถแตกต่างกัน กล้องหลักนี้จัดมาว่าคุ้มอยู่คือ คือความละเอียดสูง 108 พิกเซล พร้อมกับการซูมแบบ Hybid Optical 4 เท่า อาจจะยังไม่ได้เทียบท่ากับ Galaxy S22 Ultra แต่ก็เพียงพอกับการใช้งานทั่วไป
- กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
- กล้อง ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 123 องศา
- กล้อง depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้อง macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ระยะโฟกัส 4 เซ็นติเมตร
ยิ่งถ้าเราเพ่งด้วยตาเปล่า จะเห็นว่าเรื่องของโมดูลกล้องนั้น แทบจะถอดแบบมาจากรุ่นพี่มาแทบจะทั้งหมด โดยเฉพาะเฉพาะกล้องหลัก และกล้อง ultrawide สิ่งที่แตกต่างออกไปคือ กล้อง depth และกล้อง macro นั้นนี่ต่างออกไปจากรุ่นพี่ที่ความละเอียดที่ใส่กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ขณะรุ่นนี้ใส่มาให้ที่ 2 ล้านพิกเซล
ทดสอบกล้อง Samsung Galaxy M53 5G
Best Shot ยังคงเป็นสิ่งที่พึ่งพาได้ในวันที่เราเองก็อจจะยังไม่แน่ใจว่า รูปที่ถ่ายออกมานั้นจะดีได้แค่ไหน จากที่เราลองในการถ่ายรูป การทำงานของ Best Shot นั้นจะดูจากองค์รวมของภาพ การจัดมุม แสง ความสมดุล ความชัดของภาพ ซึ่งถ้าตรงกลางขึ้นข้อความแล้วอย่างน้อยก็แน่ใจได้ว่าได้ภาพมาไม่เลวแล้วล่ะ แต่สำหรับมือเก่าๆ จะปิดคุณสมบัตินี้ไปก็ได้ครับ
เมนูกล้องนั้นให้มามกล้เคียงกับรุ่นใหญ่ โดยให้สำหรับการใช้งานจริงตามสมควร ที่ใช้กันหลักๆทั่วไปก็อย่าง Pro / Single Take / Food / Panorama / Macro
ทดสอบภารถ่ายภาพอาหารที่ได้ออกแนว Vivid ที่เน้นความสดของวัตถุดิบ
ทดสอบการถ่ายภาพด้วย Food Mode ภาพตรงกลางจะมีความ Vivid หรือวามเข้ม ความสดของสี แต่ที่เพิ่มคือมีการเบลอขอบข้างเป็นวงกลม
ทดสอบการถ่ายภาพกับวัตถุที่แสงน้อยโดยใช้ Night Mode ก็ได้แสงของหลอดไฟที่ดูใกล้เคียงกับความเป็นจริง
ทดสอบการถ่ายภาพด้วย Pro Mode ตัวเมนูของกล้องไม่มีถ่ายแบบไฟเป็นเส้น เราเลยใช้ Pro Mode โดยเพิ่ม Shutter Speed แล้วให้โทรศัพท์ตั้งค่า F Stop ที่เหมาะสมให้ โดยใช้ Speed Shutter ให้ช้า แล้วให้โทรศัพท์คำนวณรูรับแสงที่เหมาะสม การชดเชยแสงเราปรับด้วยมือ ก็ถือว่าเก็บภาพได้น่าประทับใจเราอยู่
ทดสอบการถ่ายในที่ร่ม ที่แสงน้อย และทดสอบการเบลอฉากหลัง ซึ่งเราคิดว่าการละลายฉากหลังทำได้ด้จากการทำงานของ AI ไม่มีจุดเบลอที่เพี้ยนหรือหลอกตา
ทดสอบการถ่ายภาพด้วยเลนส์ Wide ที่สามารถเก็บภาพได้ 123 องศา
ทดสอบการถ่ายด้วย tele โดยซูมที่ 4X รายละเอียดของภาพ และสีก็ยังเก็บได้ดีพอสมควร
ในสวนของกล้องหน้าที่อานิสงคืจากดกล้องความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รวมกับ Beauty Modeเราทดสอบโดยการเปิดใช้แบบกลางๆ คือสำหรับผู้ชายใช้ได้ไม่หลอกตาครับ และยังสามรถละลายฉากหลังได้ ใบางทีที่เราอยากให้ตัวเองมีระยะห่างกับฉากหลัง
เรื่องต้องรู้ของ Samsung Galaxy M53 5G
Samsung ได้เปิดตัวฟีเจอร์ RAM Plus โดยพื้นฐานแล้วเป็นการหน่วยความจำที่มีอยู่แล้วใน Android มาใช้งาน แบบ Virtual Ram และด้วย One UI 4.1 นั้น Samsung ได้ทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับ RAM Plus
ซึ่งแต่เดิมนั้นมีไว้ใช้กับ Galaxy S22 Series สำหรับ One UI 4.1 กับ Android 12
วิธีตั้งค่า Ram Plus ของ Samsung
- เข้าไปที่ Setting > Battery and device care
- กดเลือกไปที่ Memory
- เลือกจำนวน Ram ที่ต้องการ จะมีให้เลือกคือ 2GB ,4GB ,6GB และ 8GB
สิ่งที่มีคนถามถึงกับเราคือเรื่องของความปลอดภัย อย่าง Samsung Knox ติดตั้งในฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของโทรศัพท์ตั้งแต่เริ่มต้นถึงเป้น M Series แต่จุกข้ายนี้ยังไม่ได้หายไปไหน และ Secure Folder นั้นก็ยังอยู่
เพราะนี่จะช่วยช่วยปกป้องโทรศัพท์ของคุณตั้งแต่นาทีแรกที่คุณเปิดเครื่อง จนถึงการป้องกันและเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลแบบหลายชั้น ส่วนการป้องกันแบบ Bio Metrics นั้น การใช้ลายน้วมือเพื่อปลดล็อกโทรศัพท์ก็ยังอยู่ ผ่านเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ตรงปุ่มเปิดปิดเครื่อง
วิธีตั้งค่า Secure Folder ของ Samsung
- เข้าไปที่ Secure Folder
- จะพบโฟลเดอร์หลักอย่าง Gallery ,Contacts ,Calendar ,Camera ,My Files ซึ่งเราสามารถใส่ภาพ ใส่รายชื่อ ตั้งปฎิทินที่เป็นความลับไว้ในนี้ได้
- กดเครื่องหมาย + เพิ่มเพิ่มแอปอื่นๆ เข้าไปอยู่ใน Secure Folder ซึ่งการเข้าใช้งานจะต้องกรอก PIN หรือปาด Pattern ที่มีการเข้ารหัส
ซื้อดีมั้ย Samsung M53 5G
ก็ยังเป็นการหยิบยกข้อข้อดีมากจากรุ่นพี่มาใส่ ถ้าจะเรียกว่าเป็น Lite Version ที่ห้อยท้ายนั่นก็คงใช้ จะบอกว่านี่คือ Galaxy A73 ที่ลดทอนความสามารถลงมาเล็กน้อย เพื่อให้สามารถทำราคาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นอีกนิดก็คงใช่ เพราะอย่างโมดูลของกล้องนั่นถอดแบบกันออกมาเลย
ถ้าต้องการโทรศัพท์จอสดใส สามkรถใช้ 5G ใช้ Wi-Fi ตามมาตรฐาน กล้องหน้าหลังมือใหม่ถ่ายได้ไม่ลำบากในการใช้ ของแบตที่ใส่มาเยอะๆ ขอเครื่องที่บางๆ เบาๆ เอาใส่กระเป๋าเสื้อกระเป่ากางเกงได้ และขอ 2 ซิมที่ยังสามารถเปลี่ยนใจใส่เม็มได้จุใจ นี่ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี คือแค่ถือไปถือมามองแว้บแรกรูปลักษณ์ก็ดูแพงแซงราคาที่จ่ายเงินซื้อแล้ว
สีที่วางจำหน่ายมี 3 สี คือ ได้แก่ น้ำเงิน, น้ำตาล ,เขียว แต่เชื่อเราเถอะว่าสีนำเงินสวยสุด! ราคา 13,999 บาทจัดมาว่าดี
และวางขายผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น โดยผ่านช่องทางอย่าง Samsung Online Store, Shopee, Lazada และ JD Central
ขอบคุณ : Samsung Thailand ที่เอื้อเฟื้อเครื่องในการทดสอบครับ