5G SA (Standalone) บน iPhone นั้นมาพร้อมกับ iOS 16.4 ตอนนี้เราสามารถเปิดใช้ได้สำหรับผู้ที่ใช้เครือข่าย AIS ที่เป็น eSIM เท่านั้น มาดูวิธีเปิดใช้งานกันครับ
5G SA คืออะไร
5G SA (5G Standalone) คือ 5G ที่ไม่ได้มีการใช้ 4G สำหรับฟังก์ชันการควบคุม ต่างจาก 5G ประเภท Non-Standalone (NSA) ที่ยังทำงานร่วมกับ 4G อยู่
ทำไมควรเปิดใช้ 5G SA (Standalone) บน iPhone
เหตุผลที่ควรเปลี่ยนมาใช้ 5G SA
- มีความหน่วงที่ต่ำกว่า และให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีกว่า แต่อาจจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้นมากกว่าเดิม
- การเปลี่ยนใช้ SA mode สามารถปกป้องเราจากวิธีการที่มิจฉาชีพส่ง SMS ปลอมเข้ามาโทรศํพท์ของเราได้ เพราะว่า eSIM จะมีคุณสมบัติ SUCI ออกแบบมาเพื่อป้องกัน false base station โดยเฉพาะ
- ประหยัดการใช้พลังงานการจากแบตเตอรี่มากขึ้น เพราะใช้การประมวลผลจากฝั่ง 5G อย่างเดียว
- รวมถึงยังรองรับเทคโนโลยี 5G Multi – access Edge Computing (MEC) ที่สามารถนำ Application Server ให้เข้าใกล้ผู้ใช้มากที่สุด ช่วยให้สามารถใช้งานเครือข่ายด้วยการเข้าถึงแบบไร้สาย เพื่อให้บริการประมวลผลในปริมาณมากและมีความปลอดภัย
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ 5G SA บน iPhone
- 5G SA ใช้ได้บน iPhone ที่รองรับ 5G เท่านั้น เช่น iPhone 12, iPhone 13, iPhone 14 หรือ iPhone SE Gen 3
- ตัวเลือกเปิดใช้งาน 5G SA บน iPhone จะมีบน iOS 16.4 ขึ้นไป ฉะนั้นต้องอัปเดตก่อนถึงจะสามารถใช้งานได้
- ผู้ใช้ต้องมีแพ็กเก็จ 5G
- ผู้ใช้ต้องใช่ eSIM เท่านั้นถึงจะสามารถใช้งาน 5G SA ได้
วิธีเปิดใช้ 5G SA ใน iPhone
1.ไปที่หัวข้อ Setting
2. ไปที่หัวข้อ Cellular > เลือก Cellular Data Option
3. เลือกที่หัวข้อ Voice & Data > เลือก 5G Auto (5G Standalone) > เปิดใช้งาน