OPPO Watch X นาฬิกาอัจฉริยะที่ชูแนวคิดที่ว่า เมื่อความทนทานและความเรียบหรูมาอยู่ในในนาฬิกาเรือนเดียวกันกัน ข้างในนั้นขับเคลื่อนด้วย WearOS ใช้ได้ในทุกกิจกรรมตลอดช่วงวัน รวมถึงแบตเตอรี่อยู่สูงสุด 4 วัน
สเปค OPPO Watch X

ในเรื่องของสเปคนั้น ตัวเรือนกรอบสเตนเลส หน้าปัดกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ จอเป็น AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว มีปุ่มสำหรับเข้าถึงเมนูการทำงานสองปุ่ม มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP685 กันน้ำได้ลึก 50 เมตร สามารถใช้งานได้ภายใต้อุณหภูมิระหว่าง -20℃-55℃ ชิปเซ็ตที่ใช้เป็น Snapdragon® W5 Gen 1 ใช้งานได้นานสูงสุด 4 หรือ 100 ชั่วโมง การเชื่อมต่อ Wi-Fi นั้นWiFi รองรับ Wi-Fi ที่ 5G/2.4G มาตรฐาน 802.11 a/b/g/n รองรับ Bluetooth® 5.0
แกะกล่องลอง OPPO Watch X

ในส่วนของระบบปฎิบัติการนั้นใช้เป็น wearOS 4.0 ซึ่งสิ่งที่ดีคือเราสามารถเพิ่มความสามารถให้กับนาฬิกาโดยติดตั้งแอพลิเคชั่นเพิ่มเติมลง ซึ่งหน่วยความจำภายในนาฬิกานั้นมีอยู่ 2GB RAM + 32GB ROM ครับ

การเชื่อมต่อนาฬิกากับโทรศัพท์ครั้งแรกต้องดาวน์โหลดแอป OHealth จาก PlayStore ก่อนนะครับ โดยใช้งานร่วมกับโทรศัพท์ที่เป็น Android 8.0 ขึ้นไป

เรื่องของภาษา และการแจ้งเตือนน่าจะเป็นอย่างแรกๆ ที่จะถูกถามว่า แสดงผลภาษาไทยได้มั้ย อ่านรู้เรื่องหรือเปล่า การใช้ WearOS เลยมีข้อได้เปรียบตรงนี้ครับ คือภาษาไทยอ่านออกได้แบบครบถ้วนสมบูรณ์ คืออย่าว่าแต่ภาษาไทยเลยภาษาอื่นในหน้าแจ้งเตือนก็อ่านออกครับ อย่างผมตาม Twitter ที่เป็นผู้ใช้จากญี่ปุ่นเยอะ ตัวผมเองก็โพสต์ภาษาญี่ปุ่นลง Twitter ด้วย ดังนั้นการแจงเตือนผมก็แสดงผลภาษาญี่ปุ่นได้ครบถ้วน .. สบายใจไปได้แล้วหนึ่งเรื่อ
สิ่งที่ผมเองลองมาหลายวันมากๆ คืออัตราการใช้พลังงาน (อาจริงๆ เราก็แอบทดสอบอยู่พักนึงแบบนานกว่าคนอื่น ว่าทำไมแบตถึงอึกดกว่าชาวบ้านเขาจนเราสงสัยว่าปรับมายังไง คือแบตเตอรี่ที่ใส่มาความจุ 500 mAh
ถ้าใช้ในโหมดปกติแบบจับคู่กับโทรศํพท์มือถือ จะใช้ได้นาน 100 ชั่วโมง หรือประมาณ 4 วัน แต่ถ้าใช้หนักหน่วง เช่น ใช้ไป วื่งไป ออกกำลังไป ใน smart mode ก็จะสามารถใช้ได้นาน 4 ชั่วโมง แล้วท่าไม้ตายอีกอย่างคือ ชาร์จ 10 นาทีใช้นาน 24 ชั่วโมง และด้วย VOOC Flash Charge จะใช้เวลาชาร์จแค่ 60 นาที!
คือ ระหว่างทดสอบผมจะใส่นอนทุกคืน แล้วตื่นเช้ามา เข้าห้องน้ำ แปรงฟัน อาบน้ำ ก่อนไปทำงาน ผมก็จับเขาชาร์จไว้แบบนั้น คือเสร็จธุระ จัดการตัวเองเสร็จก็มีแบตเตอรี่ที่นาฬิกาแบบพร้อมใช้ตลอดทั้งวัน
OPPO Watch X กับประเภทกีฬาหลากหลายแค่ไหน

ในเรื่องของประเภทกีฬานั้น ตัวนาฬิกาใส่กันมากว่าร้อยชนิด เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผู้ผลิตแต่ละรายพยายามจะนำมาเป็นจุดขายครับ ซึ่งผมก็จะแนะนำว่าก่อนที่คุณจะซื้อ smart watch สักเรือน ลองดูว่าอันไหนที่มีรูปแบบกีฬา หรือว่าการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคุณ
โดยกีฬาที่รองรับนั้นมาเยอะจริงๆ คือมากกว่า 100 รายการ โดยมี 6 ประเภทกีฬที่สามารถตรวจอัตโนมัติ เช่น วิ่ง ,เดิน ,ปั่นจักรยาน ,ว่ายน้ำ, เครื่องพาย, เครื่องก้าวบันได ส่วนโหมดการวิ่งนั้นจรวจจับการแบบละเอียดๆ ทั้งแบบแอโรบิค เทรนนิ่ง , การคาดิโอ , การพักฟื้นหลังการวิ่ง ,การตาการฟื้นตัวของหัวใจ ,ลักษณัการวิ่ง และ อื่นๆ
โหมดกีฬาอาชีพนั้น ก็ให้โปรแกรมมาหลกาหลายครับ อาทิ สกี ,เทนนิส ,แบทมินตัน ,ว่ายน้ำ ,กระโดดเชือก , ปีนผาและอื่นๆ รวมถึงกีฬาทางน้ำด้วย

อย่างเรือนนี้ที่ผมไล่ดูประเภทกีฬา หรือว่าการออกกำลังจัดว่าให้มาเยอะใส่มากันหลักร้อยถือว่าไม่น้อย และใช้ได้จริงและใช้ได้จริง สมมุติคุณเป็นสายยกเหล็ก เข้ายิม เล่นเวท ในนี้ก็มีโปรแกรมการออกกำลังแบบแยกส่วนให้คุณเลย เช่น วันนี้เล่นปีก วันนี้เล่นท้อง สมมุติคุณเป็นสายยืดเหยียดแบบโยคะ นี่ก็แยกไปตามโยคะแต่ละสายอีก อย่างผมเล่นกีฬาทางน้ำ นี่ก็แยกย่อยออกมาให้ในประมาณนึงแบบมองในภาพใหญ่
ทดสอบ OPPO Watch X ด้วยการการชกมวย

หนึ่งในการออกกำลังที่ผมทำประจำเวลาอยู่บนบกคือ “ชกมวย” ครับ แต่จะเป็นลักษณะ Shadow Boxing นี่ก็เลยเป็นสิ่งแรกที่ผมใช้ทดสอบกับตัวนาฬิกาและแอป การแสดงผลก็จะให้เห็นอัตราการเต้นของหัวใจ แสดงให้เห็น Heart Rate Zone ตามปกติมาตรฐาน แต่ถัดจากนี้เราจะลองลงลึกไปขั้นกว่า
ทดสอบ OPPO Watch X ด้วยการการวิ่งออกกำลัง

การวิ่งคือกิจกรรมที่หลายคนชื่นชอบ และสำหรับคนทีเริ่มออกกำลังแบบจริงจังขึ้นมาอีกนิดก็เริ่มจะมองหานาฬิกาที่วัดผลได้ละเอียดขึ้นถ้าจะให้ดี ขอมี GPS ด้วยเผื่อเก็บระยทางซึ่งนาฬิกาเรือนนี้ “มีครับ” แล้ว “แม่น” ในระดับยอมรับได้ด้วยเพราะเป็น GPS แบบคู่ ส่วนโปรแกรมการวิ่งหลักๆ จะมี InDoor กับ OutDoor ในการทดสอบของเราก็เข้มขึ้นจากโปรแกรมแรก คือตั้งระยะทางการวิ่งไว้ 5 กิโลเมตร และนี่คือหน้าจอแสดงผล ที่บอกตั้งแต่เวลาที่ใช้ จำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญไป วิ่งได้ Pace เท่าไหร่ และรวมไปถึงคำแนะนำอื่นๆ
ซึ่งออกตัวก่อนว่า ผมไม่ได้เป็นนักวิ่ง ผมเป็นคนเล่นกีฬา เป็นคนออกกำลังด้วยวิธีการอื่นๆ ฉะนั้นผมจะพุ่งเป้าไปที่คำแนะนำที่แอปพลิเคชั่นวัดผลมาจากนาฬิกาแล้วให้คำแนะนำ
Aerobics effectiveness : ความเข้มข้นในการออกกำลังกายของคุณเพียงพอหรือเปล่า คุณแอบท้อ คุณแอบบอกตัวว่าขอพอ แล้วบอกตัวเองว่าไม่ขอไปต่ออยู่หรือเปล่า หรือว่าคุณบ้าพลังมากไป พยายามมากเกินไป จนเข้าสู่สภาวะเกินกำลังตรงหัวข้อนี้สามารถบอกคุณได้ครับ อย่างผมได้คะแนนเท่านี้ 4.5 “professional level exercise greatly improve your fitness level” นั่นหมายความว่าทำดีแล้ว อยู่ในระดับโปรแล้ว ระดับมืออาชีพแล้ว อีกนัยนึงคือ อย่าไปสูงกว่านี้เพราะมันจะเกินตัว ในส่วนของ Cardio Fitness ซึ่ง VO2Max ผมได้ 35.5 ซึ่งค่อนข้างไปทางที่ต้องปรับปรุง “try increasing the intensity of your aerobic exercises to improve your cardio fitness.”
ตัวแอปก็ประมวลผลที่วัดได้จากนาฬิกาก็ให้คำแนะนำผมว่า ผมควรเพิ่มความเข้มข้นของการออกกำลังกายแบบแอโรบิกให้มากขึ้น เพื่อปรับปรุงการออกกำลังแบบคาร์ดิโอ
ซึ่งนั่นก็จริงเพราะโปรแกรมประจำวันผมจะชอบยกเหล็ก ชอบชกมวย ปั่นจักยานในร่วมนั่นคือเรื่องรองลงมา ส่วนเรื่องการวิ่งนั้นแทบจะลืมไปได้เลย … นั่นหมายความว่าผมควรจะฝึกวิ่งให้มากขึ้น
การออกกำลังต้องเว้นวรรคให้ร่างกายได้พักได้ซ่อมแซม ได้มีแรงกลับมาบ้าง อย่างที่เล่าไปผมไม่ได้เป็นนักวิ่ง ฉะนั้นการจับผมมาวิ่งจึงต้องเว้นช่องว่างของการพักร่างตามสมควร ซึ่งแอปก็ตีไว้ว่าสักสองวันกำลังดี .. ซึ่งก็เป็นแบบที่มีการประมวลผลไว้จริงๆ นั่นล่ะ
นอกจากการที่แอปทำหน้าที่เสมือนเรามีผู้ช่วยในการให้คำแนะนำการออกกำลังกาย ว่าเราอะไรที่หย่อนไป หรือว่าตึงไป ตัวแอปก็แนะนำในระดับที่ต้องดูกันลึกๆ ครับ

อันนี้เป็นผลการเก็บค่าจากสถิติ และมาตรวัดหลังจากการวิ่ง สิ่งที่เราเองก็พอใจพอสมควรคือตัวนาฬิกาและแอปพลิเคชั่นให้ข้อมูลที่ละเอียด เข้าใจง่ายสำหรับนักวิ่งระดับเริ่มต้น และระดับกลาง
อย่างที่เห็นชัดๆ คือ Pace ของการวิ่ง คือมีการบอกค่าเฉลี่ย 5 ระดับว่าว่าเราวิ่งด้วยความเร็วสูสุดเท่าไหร่ แล้วช่วงเวลาที่ความเร็วของเราตกลงมานั้นเหลืออยู่ที่เท่าไหร่เพื่อจะได้เอาไปปรับปรุงทักษะ และสมรรถภาพต่อไป
จากตัวอย่างแรกนั่นเป็นการออกกำลังแบบ Shadow Boxing ที่ Heart Rate อยู่ในระดับ Endurance คือเอาให้เหนื่อย เอาให้แบบเผาผลาไขมันกันไป
แต่การวิ่งมันไปไกลกว่านั้น ลองดูที่กราฟครับก็จะเห็นว่า Heart Rate แตะขึ้นมาที่ Anaerobic สักครู่นึง แล้วก็เขยิบขึ้นมาแตะที่ Threshold ซึ่งนั่นหมายความว่า เรากำลังเขยิบขึ้นมาในช่วงของการออกกำลังที่ใช้กล้ามเนื้อเยอะกว่าปกติ แล้วพอขึ้นมาแตะตัวท้ายๆ นี่คือระดับการเต้นของหัวใจสำหรับคนที่ต้องฝึกการออกกำลังกายมาสักระยะหนึ่ง หรือหมายถึงการวิ่งที่มีการเร่งความเร็ว ตรงนี้สำคัญยังไงบ้าง คือตอนที่ผมใส่วิ่งผมเองก็ต้องคอยดูว่า Heart Rate ของผมสูงเกินไปหรือไม่ พละกำลังเราไหวมั้ยเพราะส่วนมากการออกกำลังกายของผมจะอยู่ที่ Endurance และ Anaerobic
เพราะ Threshold คือระดับที่ว่า ถ้าไม่เคยมีการฝึกฝนความทนทานมาก่อน อาจจะมีผลกระทบว่า หน้ามืด เป็นลม ความดันได้ ฉะนั้นผมถึงอยากจะแนะนำผู้ใช้นาฬิกาว่า เราต้องคอยดูการวัดตรงนี้ที่นาฬิกาเพื่อเข้าใจตัวเราเอง เพื่อความปลอดภัยในการออกกำลังกาย และเข้าใจในสิ่งที่เขาใส่มาในอุปกรณ์ด้วยครับ
ส่วน GCT Balance นั้น เนื่องด้วยความที่ว่าเราไปวิ่งมา การวิ่งจะต้องมีการลงน้ำหนักที่เท้าซ้าย และเท้าขวาตัวแอปพลิเคชั่นเขาก็ตรวจเรื่องนี้ให้เรา อยางของผมได้ Excellent คือ การลงน้ำหนักที่เท้าทั้งสองข้างคือสมดุลกัน การวิ่งที่ดีเราไม่ควรจะให้ขา หรือเท้าข้างใดข้างนึงรับภาระจนมากเกินไปครับ
วัดคุณภาพการนอนกับ OPPO Watch X

การตรวจจับพฤติกรรมการนอนนั้นก็เป็นนเรื่องสำคัฯครับ เพราะหลังจากออกกำลังราางกายเราก้ต้องการการซ่อมแซมและฟื้นฟู โดนก็จะแบ้่งคุณภาพการหลับของเราเป็นสามระดับ คือ Deep ,Light และ Rem แล้วนำมาประมวลผลว่าเรามีตุณภาพการนอนเป้นอย่างไรบ้าง สิ่งที่น่าสนใจคือ “Risk of breathing problems” นั่นก็คือเรื่องของความเสี่ยงในการหายใจระหว่างการนอนหลับซึ่งในแอปก็จะวัดได้ใน 4 ระดับซึ่งค่าตรงนี้จะเปลี่ยนไปในแต่ละวันขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกาย ความเครียด การพักผ่อนสะสมด้วยนะครับ และนอบจากนั้นยังวัดระดับการกรนได้โดยใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟนครับ
ปรับแต่ง OPPO Watch X ด้วย Watch Face

ในส่วนของ Watch Face รือว่าหน้าปัทม์นาฬิกานั้น สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้จาก OHealth ได้เลย
ซึ่บจะมีมีให้เราดาวน์โหลดได้แบบไม่เสียเงินอยู่ชุึดใหญ่ๆ แต่ถ้าใครต้องการมากว่านั้น สามรถ โหลดได้โดยไม่เสียเงิน แต่ถ้าจะออกสู่โลกกว่าง สามารถเข้าไปที่ Get more watch faces เพื่้อดาวน์โหลดเพิ่มเติมจาก Play Store ของ Google โดแต่อันนี้ต้องจ่านยเงินนะครับเริ่มต้นกันที่ 30 กว่าบาท

ในส่วนของ Watch Face นั้นยังสามารถปรับแต่งได้อีกนะครับ แม้ว่าจะเป็นอันที่มาพร้อมกับนาฬิกาเลยก็เถอะ โดยเราเข้าไปเลือกที่หัวข้อ Customize จากนั้นก็เลือก Color ถ้าต้องการเปลี่ยนสี หรือเปลี่ยนส่วนประกอบอื่นๆ ด้วยการเลือก Complication ครับ อย่าง Watch Face ตัวที่ผมเลือกใช้จะปรับแต่งได้สองจุด แต่ว่า Watch Face ตัวอื่นๆ ก็จะมีความสามารถแตกต่างกันไป รวมถึงรูปแบบการปรับแต่งที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาด้วยครับ
ซื้อดีมั้ย OPPO Watch X

นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ที่ขับเคลื่อนด้วย WearOS นั้นไม่ได้มีเยอะในตลาดบ้านเราครับ และสำหรับผู้ใช้แอนดรอยด์นั้นนี่ก็ถือว่าเป็นสายตรงที่สุดรุ่นนึงเท่าที่มีขายในตลาดบ้านเรา
“Play Like A Pro” เป็นประโยคนึงที่ผมชอบมากที่ได้ยินในวันที่ประกาศ Global Launch คือสำหรับผมแล้วนี่คือนาฬิกาสำหรับคนที่เขยิบขึ้นมาจาก Smart Band หรือ Smart Watch ระดับเริ่มต้นที่ต้องการความเข้มข้นสำหรับมาตรวัด และคุณสมบัติขึ้นมาอยู่ในระดับที่เขาเรียกกันว่า Weekend Warrior
และถ้าเป้รนาฬิกาเรือนเดียวที่คุณมีก้สามรถเข้าได้กับชุดทำงานของคุณในตอนกลางวัน และหลังจากเลิกงานนั้นก้สามารถใส่เข้าฟิตเนส หรือไปสนามกีฬาต่อได้ทันที
ส่วนอรรถประโยชน์อื่นๆ ที่ตามมาเช่นการใช้นาฬิกาในการบันทึกบัตรเครดิต แล้วเอาไปแตะกับเครื่องรับจ่ายตามร้านค้านั่นคือสิ่งที่ Google Pay บนWearOS ของ สามรถใช้งานได้แล้วด้วยความมือของ Google กับธนาคารในประเทศไทยซึ่งเริ่มมีบางธนาคารที่เปิดใช้แล้วนะครับ
ส่วนคุณสมบัติในการวิเคราะห์เรื่องการนอนนี่สำหรับผมแล้วเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้แล้วจริงๆ เพราะแอปบอกรายละเอียดได้ครอบคลุมสุดเจ้านึงเท่าเราเคยทดสอบมา

OPPO Watch X วางจำหน่ายแล้วในราคา 11,990 บาท สีที่มีวางจำหน่ายคือ Platinum Black และ Mars Brown ครับ
ขอบคุณ : OPPO Thailand ที่เอื้อเฟื้ออุปกรณืในการทดสอบครับ




