Nintendo ประกาศเมื่อวันอังคารว่า กำไรสุทธิสำหรับปีสิ้นสุดเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 13.4% จากปีก่อนหน้าสู่ระดับสูงสุดที่ 490.60 พันล้านเยน (3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ได้รับแรงหนุนจากความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง “The Super Mario Bros. Movie” และค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง
รายได้เพิ่มขึ้น 4.4% สู่ระดับ 1.67 ล้านล้านเยน เนื่องจากยอดขายที่แข็งแกร่งของ “The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom” และเกมชื่อดังในซีรีส์ “Super Mario” บริษัทผู้ผลิตเกมระบุ
การร่วงค่าของเงินเยนญี่ปุ่น ซึ่งร่วงลงสู่ระดับ 160 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงปลายเดือนเมษายน เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 34 ปี ส่งผลให้รายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 94.4 พันล้านเยน เมื่อแปลงค่ากลับมาเป็นสกุลเงินเยน
ภาพยนตร์ “The Super Mario Bros. Movie” ซึ่งเข้าฉายเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว และกลายเป็นภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นที่ทำรายได้สูงเป็นอันดับสองของโลกทันที ผลักดันให้ยอดขายจากธุรกิจทรัพย์สินทางปัญญาและมือถือเพิ่มขึ้น 81.6% สู่ระดับ 92.7 พันล้านเยน
ในช่วงเวลาเดียวกัน ยอดขายเครื่องเกมคอนโซล Nintendo Switch ซึ่งวางจำหน่ายมานานกว่า 7 ปีแล้ว ลดลง 12.6% สู่ระดับ 15.7 ล้านเครื่อง ขณะที่ยอดขายซอฟต์แวร์ลดลง 6.7% สู่ระดับ 199.67 ล้านชุด
บริษัทระบุว่า จะประกาศรายละเอียดของรุ่นใหม่ที่จะมาแทนที่ภายในสิ้นเดือนมีนาคมปีหน้า
สำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิจะลดลง 38.9% สู่ระดับ 300 พันล้านเยน จากรายได้ 1.35 ล้านล้านเยน ลดลง 19.3%
Nintendo คาดการณ์ว่ายอดขาย Nintendo Switch และเกมจะชะลอตัวลง โดยคาดการณ์ว่ายอดขายฮาร์ดแวร์จะลดลง 14% สู่ระดับ 13.5 ล้านเครื่อง และซอฟต์แวร์ลดลง 17.4% สู่ระดับ 165 ล้านชุด
บริษัทยังคาดว่าเงินเยนจะแข็งค่าขึ้นในปีงบประมาณปัจจุบัน โดยประมาณการให้อยู่ที่ระดับ 140 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับ 144.52 เยนที่ใช้ในการคำนวณผลประกอบการของปีงบประมาณ 2023
นอกจากนี้ บริษัทยังระบุด้วยว่าจะเปิดพิพิธภัณฑ์นินเทนโดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการขยายฐานแฟนๆ โดยผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทจะจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในอุจิ จังหวัดเกียวโต
