รายงานข่าวจากรอยเตอร์ระบุว่า บริษัท BYD ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของจีน ได้ประกาศแผนกลยุทธ์ที่จะ เปลี่ยนไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั้งหมดในทวีปยุโรปภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า เพื่อมุ่งหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีนำเข้าจากประเทศจีน โดยการประกาศดังกล่าวมีขึ้นในงาน IAA Mobility Show ที่เมืองมิวนิก
รองประธานบริษัท Ms. Stella Li ได้เปิดเผยว่า BYD จะเริ่มดำเนินการผลิตที่โรงงานในประเทศ **ฮังการี** ภายในปีนี้ และมีแผนจะขยายการผลิตเพิ่มเติม ณ ประเทศ ตุรกี ในปี 2026 โดยคาดการณ์ว่าการปรับโครงสร้างเพื่อรองรับความต้องการของตลาดยุโรปจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี
มุ่งเน้นการทำตลาดรถยนต์ Plug-in Hybrid (PHEV)
นอกจากแผนการผลิต EV แล้ว ผู้บริหารของ BYD ยังได้เปิดเผยถึง กลยุทธ์การทำตลาดรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) โดยมีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ PHEV ใหม่ 3-4 รุ่นภายใน 6 เดือนข้างหน้า พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่ายอดขายรถยนต์ PHEV จะสามารถแซงหน้ายอดขายรถยนต์ EV ในยุโรปได้ในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ BYD ได้เริ่มจำหน่ายรถยนต์ PHEV ในยุโรปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยพบว่าในสหราชอาณาจักร รถยนต์ BYD ที่มียอดขายสูงสุดในปีนี้คือรุ่น PHEV
สถานการณ์ยอดขายในตลาดโลกและจีน
ในส่วนของผลประกอบการ BYD มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยยอดขายทั่วโลกในปี 2024 ขยายตัวถึง 10 เท่าจากปี 2019 สู่ระดับ 4.2 ล้านคัน อย่างไรก็ตาม ยอดขายในประเทศจีนกลับมีแนวโน้มลดลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
Ms. Li กล่าวว่า “ในช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งทางการตลาดของเราอยู่ในระดับสูงสุด แต่ล่าสุดลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เรายังคงรักษาสถานะผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดจีนไว้ได้ และเราพอใจกับผลลัพธ์ดังกล่าว” นอกจากนี้ เธอยังระบุด้วยว่า “ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของยอดขาย BYD ในปีนี้คือยอดขายจากภูมิภาคอื่นนอกเหนือจากประเทศจีน” ซึ่งยังคงรักษาอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลักได้อย่างต่อเนื่อง