นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ Microsoft ในการผลักดันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows อย่างเต็มรูปแบบ ล่าสุดได้มีการยืนยันถึงการมีอยู่ของโครงการใหม่ในชื่อ “Windows AI Labs” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับทดสอบฟีเจอร์ AI ที่ยังอยู่ในขั้นทดลอง (Experimental) กับผู้ใช้งานโดยตรง
ข่าวนี้ได้รับการยืนยันจากทาง Microsoft กับสื่อไอทีชื่อดังอย่าง The Verge หลังจากที่มีผู้ใช้งานในโครงการ Windows Insider บางส่วนสังเกตเห็นการอ้างอิงถึง Windows AI Labs ใน Microsoft Paint เวอร์ชันทดสอบ
Windows AI Labs คืออะไร?
Mike Harsh, Partner Director of Product Management ของ Microsoft ได้ให้คำจำกัดความกับว่า “Windows AI Lab คือโครงการนำร่องที่มุ่งเร่งกระบวนการตรวจสอบแนวคิดฟีเจอร์ AI ใหม่ๆ ใน Windows โดยโครงการจะมุ่งเน้นไปที่การรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านความสามารถในการใช้งาน (Usability), ความน่าสนใจของลูกค้า (Customer Interest) และความเหมาะสมกับตลาด (Market Fit)”
กล่าวโดยสรุป Windows AI Labs คือแนวทางใหม่ของ Microsoft ที่จะเปิดให้ผู้ใช้งานได้มีส่วนร่วมในการทดสอบและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับฟีเจอร์ AI ล้ำสมัย ก่อนที่จะถูกนำไปพัฒนาต่อยอดและเปิดตัวสู่สาธารณะในอนาคต
Microsoft Paint: สนามทดลองแห่งแรก
แอปพลิเคชันแรกที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมโครงการนี้คือ Microsoft Paint โปรแกรมวาดภาพในตำนานที่ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความสามารถในการทำงานกับเลเยอร์ (Layers), การรองรับไฟล์โปร่งใส (Transparency) และล่าสุดคือฟีเจอร์สร้างภาพด้วย AI อย่าง Cocreator การนำ Paint มาเป็นแอปพลิเคชันตั้งต้นสำหรับ Windows AI Labs จึงเป็นก้าวต่อไปที่สมเหตุสมผล
แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่มีการเปิดเผยว่าฟีเจอร์ AI ที่จะนำมาทดสอบใน Paint คืออะไร แต่มีการคาดการณ์ว่าอาจเป็นฟังก์ชันที่มีความสามารถใกล้เคียงกับเครื่องมือ AI ใน Adobe Photoshop เช่น การลบวัตถุออกจากภาพอย่างชาญฉลาด หรือการต่อเติมพื้นที่ในรูปภาพด้วย Generative AI
บทสรุปและก้าวต่อไป
การเปิดตัว Windows AI Labs สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ของ Microsoft ที่ต้องการผสาน AI เข้าเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การใช้งาน Windows ในทุกมิติ ไม่ใช่แค่ในแอปพลิเคชันใหญ่อย่าง Paint เท่านั้น แต่ยังรวมถึงแอปพลิเคชันอื่นๆ เช่น Notepad และ File Explorer ที่เริ่มมีฟีเจอร์ AI เข้ามาเสริมทัพแล้วก่อนหน้านี้
สำหรับผู้ใช้งาน การเคลื่อนไหวครั้งนี้นับเป็นข่าวดีที่จะมีโอกาสได้สัมผัสกับนวัตกรรม AI ใหม่ๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และยังสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดทิศทางการพัฒนาฟีเจอร์เหล่านั้นได้อีกด้วย ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีฟีเจอร์ใดบ้างที่จะถือกำเนิดขึ้นจาก “ห้องทดลอง AI” แห่งนี้
