หลังจากที่เราได้แกะกล่อง Samsung Galaxy S II ภาคฮาร์ดแวร์กันไปแล้ว
แล้วทิ้งท้ายกันไว้ว่า Samsung Galaxy S II ได้ให้ Software แบบจัดเต็มให้กับลูกค้า
มาแกะกล่อง Samsung Galaxy S II ภาค ซอฟท์แวร์กันต่อเลยครับ
แว้บแรกหลังจากเปิดเครื่อง Samsung Galaxy S II
ก็นำ UI ของตัวเองมาครอบ Andriod ในแบบของตัวเอง
แบบที่เรียกว่า Touch Wiz
Social Hub ของแถมที่มีมากันตั้งแต่ Samsung Galaxy S
เป็นแอพลิเคชั่นสำหรับเชื่อมต่อกับ Social Network ,E-Mail , Instant Messaging
ครั้งแรกที่เราเปิด Samsung Social Hub ในนนั้นก็ก็จะเตรียมพร้อมการเชื่อมต่อ
Social Network ,E-Mail , Instant Messaging ดังๆไว้หมดครับ
โดยการแสดงผลนั้นเราจะสามรถเลือกดูเป็นอย่างๆตามที่เราเรา Add ไว้
หรือว่าเลือก Feed แบบทั้งหมดในครั้งเดียวเลยก็ได้
นอกจากอ่านแล้ว เราก็สามารถกดโต้ตอบข้อความ หรือว่าเขียนเพิ่มสถานะใหม่ได้
ในส่วนของแป้นพิมพ์ Samsung Galaxy S II มีสิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ
มีแป้นไทยที่ Input แบบ Swype มาให้ด้วย
แป้นพิมพ์ไทยแบบ Swype ของ Samsung Galaxy S II
วิธีการป้อนข้อมูลจะใช้การลากนิ้วไปตามตัวอักษรที่เราต้องการ
จากนั้นระบบจะประมวลผสมเป็นคำให้
ในการเชื่อมต่อโทรศัพท์ Samsung รุ่นใหม่ๆ เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์
จะเป็นซอฟท์แวร์ที่ชื่อว่า Kies
ซึ่ง Kies บน Samsung Galaxy S II สามารถเชื่อมต่อข้อมูลแบบ Wi-Fi ได้แล้ว
ด้วยความที่ Android เป็น Multitask และมักจะมีการเปิดแอพลิเคชั่นค้างไว้ในฉากหลัง
Samsung Galaxy S II ก็มีแอพลิเคชั่นจัดการเรื่องนี้มาให้เลย
โดยกดปุ่ม Home ตรงกลางเครื่องสองครั้งจะเรียก Task Manager ขึ้นมา
และเมื่อกด Task Manager ก็จะแสดงแอพลิเคชั่นที่เปิดค้างไว้
แอพลิเคชั่นที่ติดตั้งแล้วในเครื่องและสามารถอดถอนได้จากตรงนี้เลย
การคืนพื้นที่ Ram และ การดูพื้นที่หน่วยความจำคงเหลือภายในเครื่อง
แอพลิเคชั่นแนวออฟฟิศสำหรับแก้ไขชุดเอกสาร Word / Speed Sheet / Presentation
ใน Samsung Galaxy S II ก็มีแอพลิเคชั่นที่ใช้ทดแทนชุด Office ของ Microsoft
อย่าง Polaris Office ซึ่งสามารถใช้งานภาษาไทยได้เป็นอย่างดีไม่มีปัญหา
และที่ดีมากพอ แถมมาเป็นตัวเต็มใช้้งานเขียนหรือว่าแก้ไขเอกสารได้เลย
แต่ของบางอย่าง ใน ถึงแถมมาก็อาจจะไม่ได้ใช้ในบ้านเรา เช่น E-Book
คือตัวของ Samsung จะมีแอพลิเคชั่นตัวนึงที่เรียกว่า Reader Hub ซึ่งเป็นศูนย์รวมของการอ่าน
ก็โทรศัพท์ขนาดหน้าจอ 4 นิ้ว จะไม่เอามาใช้ประโยชน์อะไรในการอ่านก็จะยังไงอยู่
ซึ่งในSamsung Reder Hub ก็เลยจัดมาให้ทั้งหนังสือพิมพ์ ,พ็อคเก็ตบุ๊ค ,และนิตยสาร
ซึ่งการเข้าถึงในส่วนของ Reader Hub เหมือนยกร้านหนังสือไว้ในโทรศัพท์น่ะครับ
คือต้องลงทะเบียนเป็นสมาชิก
อย่างหนังสือพิมพ์ Chiana Daily , International herald tribune
,The Washington Post , USA Today ก็มีให้ทดลองอ่าน 7 วัน
ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะมัครสมาชิกรับต่อหรือไม่
ในส่นของแผงนิตยสารบน Reader Hubs ใน Samsung Galaxy S II
จะเป็นการดึงข้อมูลจาก Kobo ซึ่งเป็นร้านหนังสือออนไลน์อีกแหน่งหนึ่ง
ซึ่งเราสามารถค้นหาจากชื่้อหนังสือ
หรือว่าประเภทของหนังสือและสั่งซื้อผ่านหน้านี้ได้เลยครับ
ในส่วนสุดท้ายของ Reader Hub คือ Magazine
ซึ่งเป็นการดึงข้อมูลมาจาก Zinio ซึ่งเป็นร้านค้านิตยสารออนไลน์ชื่อดัง
คือปรกติจะยังไม่มีแอพบน Android ก็มีแค่บน Reder Hub ของ Samsung นี่แหล่ะ
สำหรับผู้ใช้โทรศัพท์ Android ยี่ห้ออื่นก็ Zinio เค้าทำแอพบน Android ไปก่อนละกัน 🙂
จริงๆแอพ Reader ตัวนี้ออกแบบมาดีเลยล่ะ
แต่ขัดใจอย่างเดียว..
ตรงที่ไม่มีบริการเนื้อหาข่าวหนังสือพิมพ์ หนังสือ หรือว่านิตยสารแบบไทยๆ
อันนี้ก็คงต้องว่ากันต่อไป
เพราะรูปแบบของธุรกิจสิ่งพิมพ์แบบดิจิทัลในบ้านเราเพิ่งตั้งไข่เอง
แอพลิเคชั่นในส่วนของการแต่งภาพนั้น Samsung Galaxy S II
ก็มี Photo Editor แถมมาให้ แถมคุณสมบัติใช้ได้เลยล่ะ
ผมว่า..ผมชอบ Photo Editor มากกว่า Adobe Photoshop บน Android ด้วยซ้ำ
ทำไมน่ะเหรอ..?
คือ interface ของ Samsung Photo Editor เข้าใจง่ายมาก
คุณสมบัติหลักๆ ที่จำเป็นการการปรับแต่งรูป เราสามารถเข้าถึงได้ทันทีจาก Menu Bar
หรือว่าเอฟเฟ็คในการแต่งภาพที่ดูง่ายและเห็นภาพ
นอกจากการจัดการภาพนิ่งแล้วใน Samsung Galaxy S II
ก็มีแอพลิเคชั่นในการสร้างสรรค์วิดีโอแบบง่ายๆด้วย Video Editor
การทำงานของแอพ Video Editor นั่นตอนแรกจะให้เราทำการสร้างโปรเจ็คใหม่ขึ้นมาก่อนตัวนึง
จากนั้นจึงค่อยเลือก Template ขึ้นมา
หลังจากที่เราเลือก Template ได้แล้ว จึงค่อยเลฃือกสิ่งที่จะนำมาใส่ใน Video ซึ่งเลือกนำมาใส่ได้ทั้ง
ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือว่าเพลงประกอบ
อย่างในตัวอย่างนี้ผมสร้างจากภาพนิ่ง และใช้เพลงประกอบที่มากับ Template
หลังจากที่เลือกองค์ประกอบเสร็จ ก็จัดการเรื่องเสียงของ Video หรือว่าเพลงประกอบ
หลังจากที่ Render เสร็จสิ้นก็จะได้ Clip Video ขึ้นมา 1 อัน ..ง่ายมั้ยครับ
ก็สามารถบันทึกเก็บไว้หรือว่าส่งต่อให้เพื่อนๆได้ทันทีครับ
จากรีวิวตอนที่แล้ว ที่ผมบอกไปแล้วว่า Samsung Galaxy S II
ไม่ได้มีพอร์มเชื่อมต่อเพื่อความบันเทิงอย่าง Mini HDMI
แต่เขาก็มีสิ่งที่เรียกว่า Samsung All Share ขึนมาแทนครับ
Samsung All Share จะเป็นการเชื่อมต่อแบบไร้สาย โดยผ่านเทคโนโลยี DLNA
ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณภาพ เสียงแบบไร้สาย ซึ่งอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ ก็ต้องรองรับเทคโนโลยีนี้เหมือนๆกัน
อีกส่วนหนึ่งก็คือการรีโมทเข้าไปยังอุปกรณ์อื่นๆในวง Networtk ผ่าน Wi-Fi
ในกรณีที่คอมพิวเตอร์ หรือ Strorage ของคุณ ที่มีการเชื่อมต่อกับ Wifi Router
คุณสามารถใช้ Samsung Galaxy S II รีโมทเข้าไปเพื่อเข้าถึงเนื้อหาได้
วิธีการก็ไม่มีอะไรยากตคือแอพลิเคชั่นจะทำการค้นหาอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ Networtk ผ่าน Wi-Fi
และเมื่อเชื่อมต่อได้แล้วก็จะเห็นโฟลเดอร์ที่ทำการแชร์ไว้
และสามารถเปิดดูได้เลยทั้งภาพนิ่ง ภาพวิดีโอ หรือว่าเพลง
เฉพาะฟอร์แมทที่ Samsung Galaxy S II นั้นรองรับ
พูดถึง Software และความสามารถที่เล่นสนุกของ Galaxy S II ไปเยอะแล้ว
ก็อย่างที่เห็นล่ะครับ คือถ้าซื้อมาแล้วไม่ต้องคิดอะไรมาก
เสียบสายชาร์จ ใส่ SIM แล้ว Sign In เข้าบริการต่างๆ ก็ใช้งานขั้นพื้นฐานได้เลย
สนนราคาค่าตัว Samsung Galaxy S II
ก็ถือว่าถูกว่า Samsung Galaxy S เมื่ออเปิดตัวครั้งแรก
คือ Samsung Galaxy S II เปิดตัวที่ 18,900 บาทครับ
ขอขอบคุณ
คุณ @ohnut7 และ Samsung Thailand ที่เอื้อเฟื้อเครื่อง Samsung Galaxy S II ให้ทดสอบ