หลังจากที่ Samsung Galaxy S3 ประสบความสำเร็จไปพอท้วมๆ
ตามธรรมเนียมของ Samsung ก็มักจะมีรุ่นซอยย่อยลงมาในชื่ออื่นที่คล้ายกันแบบห่างๆ
แต่การที่มี Samsung Galaxy S3 Mini ออกนั้น
มันคือการท้าทายกับความคาดหวังของผู้ใช้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่าที่ผมเกริ่นไว้ข้างต้น ว่าการตั้งชื่อมันมีกับสินค้ามาก
หาสินค้ารุ่นก่อนหน้าสร้างมาตรฐานเอาไว้ค่อนข้างสูง
ตอนที่เป็น Galaxy โน่นนี่นั่นออกมาไม่ค่อยมีใครถาม ยกเว้น Samsung Galaxy Note2
แต่พอเป็น Samsung Galaxy S3 ?ini เท่านั้นแหล่ะ
ความสนใจความสนใจอยากได้ใคร่รู้จะพุ่งพรวดเข้ามาทันที
เหมือนสมมุติฐานของผมจะถูกไปแล้วครึ่งนึง
ผมทดลองให้คนรอบข้างลองถือ ลองจับ Samsung Galaxy S3 Mini
แล้วดูปฎิกริยาตอบรับระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง
สองสิ่งที่ได้ยินจากปากมักจะเหมือนๆกันคือ “น่าร๊ากกกกอ่ะ” “สเปคดีสู้ S3 ได้มั้ย”
คงไม่ต้องบอกนะครับว่าคำพูดไหนของเพศอะไร
มาดูเรื่องสเปคคร่าวๆของ Samsung Galaxy S3 Mini กันก่อน
ใส้ในเป็น Android OS, v4.1 (Jelly Bean) CPU 1 GHz dual-core Cortex-A9
หน้าจอ 4 นิ้ว จอเป็น Super Amoled ความละเอียดจอ 480 x800 พิกเซล
จากที่ลองใช้จริงความละเอียดใช้ได้อยู่ และให้สีสันที่สดใสสมตัว
กล้องของSamsung Galaxy S3 Mini ความสามารถจะลดลงมาหน่อย
คือให้ 5 ล้านพิกเซล Autofocus และ LED flash ความละเอียดในการถ่ายวิดีโอสูงสุดอยู่ 720p
การเก็บงานด้านข้าง ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นราคาเบาๆ
แต่ด้วยความเป็นสินค้าแฟชั่นด้วยในตัว การเก็บรายละเอียดทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว
พอร์ทการเชื่อมต่อเป็น micro USB
การแงะฝาหลังออกมาไม่มีอะไรยาก ปลกล็อคด้านบนแก๊กเดียวก็เรียบร้อยแล้วครับ
แบตเตอร์ของ Samsung Galaxy S3 ให้มาแบบพอสมตัวคือ Li-Ion 1500 mAh
ส่วนเรื่องของซิมการนั้นต้องเป็น Micro Sim ก็ตามขนาดตัวนั่นล่ะ
หน่วยความจำในเครื่องมีให้มา 8 GB ใส่ microSD เพิ่มได้สูงสุด 32GB ครับ
อ่อ..มี NFC ด้วย
ด้วยความที่มีชื่อห้อยท้ายว่าเป็น Galaxy S3 mini ก็เลยต้องเอาไปวางเทียบกับ Galaxy S3 mini ซะหน่อย
โดยอันนี้ผมไปยืมเครื่องสาวน้อยน่ารักคนนึงที่นั่งใกล้ๆโต๊ะผมนี่แหล่ะ
การวางตำแหน่งด้านหน้า และซอฟท์แวร์นี่แทบจะเคาะกันออกมาในพิมพ์เดียวกัน
เว้นแต่เรื่องตำแหน่งกล้องหน้าและเซ็นเซอร์ที่สลับข้างกัน
มาดูด้านหลังบ้าง วัสดุก็แนวๆเดียวกัน เรื่องตำแหน่งของแฟลชมีการสลับกัน
มาดูในเรื่องของซอฟท์แวร์กันบ้าง ใน Samsung Galaxy S3 mini
ไม่ได้มีแอพลิเคชั่นอะไรที่แหวกแปลกประหลาดมากมายนัก
คือให้มาที่เด่นๆคืออย่าง S Voice , S Planner รวมถึงการจัดการ Account อี-เมล์ และ Social Network อื่นๆ
คือเน้นแอพลิเคชั่นสำหรับการติดต่อสื่อสาร และการใช้งานในชีวิตประจำวันเท่าที่จำเป็น
รูปแบบแป้นพิมพ์ที่ติดมากับ Samsung Galaxy S3 mini อาจจะดูเล็กไปหน่อย เมื่อเทียบกับขนาดของหน้าจอ
สิ่งที่ Samsung Galaxy S3 แตกต่างจากโทรศัพท์แอนดรอยด์รุ่นอื่นคือ
คือความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่ดีไซน์มาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานอย่าง
PopUp Play ,Direct Call ,S Beam ตัวช่วยในเรื่องของการเตือน
และการเอียงการแพนยังคงติดตัวมายัง Samsung Galaxy S3 mini มาด้วย
ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เป็นมูลค่าเพิ่มที่แตกต่าง
เรื่องคุณสมบัติของกล้องนั้น Samsung Galaxy S3 ทำไว้ได้ดีทีเดียว
คือปรับได้เยอะสะใจมาก หากคุณมีเวลาศึกษามันนะ
ผมยังยืนยันคำเดิมว่าว่าปรับเองเจ๋งกว่าใช้ออโต้เยอะ
แต่กับ Samsung Galaxy S3 mini อาจจะต้องเผื่อใจไว้นิดหน่อย
เพราะมันคือรุ่นเล็ก รุ่นย่อส่วนลงมาคงเป็นไปไม่ได้ไม่ได้พกความสามารถมาขนาดนั้น
แต่เอกลักษณ์ด้านกล้องแบบ Samsung ก็ยังคงอยู่
เมื่อเปิดเข้าเมนูกล้องของ Sasmung Galaxy S3 Mini เรื่องของ White Balance ก็ให้มาตามมาตรฐาน
เรื่องของความไวแสงที่ Sasmung Galaxy S3 mini เรื่อง ให้มานั้น
อย่างที่ผมบอกคือ เผื่อใจไว้นิดหน่อย คือในนี้ให้มาแค่ ISO 400
แต่เรื่องของการโฟกัสนี่ให้มาต่างกับชาวบ้านที่ราคาเดียวกัน
คือมีการวัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพ แน้นตรงกลาง หรือว่าเป้นตำแหน่ง
เรื่องของเมนูพิเศษๆ อย่างการถ่ายพานอราม่า การแชร์ภาพกับคู่หู
การถ่ายภาพสไมล์ช็อตคือถ่ายอัติโนมัติเมื่อมีการยิ้ม
ถ้าใน Samsung Galaxy S3 มีมาแบบไหน Samsung Galaxy S3 ก็มีมาแบบนั้น
กล้อง Samsung Galaxy S3 mini ไม่ถึงกับเร็วแบบไวจัด แต่หายใจไปได้ครึ่งเฮือกก็ถ่ายเสร็จแล้ว
แต่ถ้าต้องการแบบรวดเร็วทันใจ ก็็ทดแทนด้วยโหมดถ่ายภาพต่อที่พอใช้แทนกันได้
แต่ที่น่าสนใจคือความสามารถในการเลือกภาพที่ดีที่สุด ยังคงติดมาอยู่ใน Samsaung Galaxy S3 Mini ด้วย
เพราะปรกติแล้วโทรศัพท์ราคาเท่านี้ จะไม่ค่อยใส่ความสามารถพิเศษเกี่ยวกับภาพถ่ายเข้ามาเท่าไหร่นัก
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S3 Mini
ดูภาพจาก Samsung Galaxy S3 Mini เพิ่มเติมได้ที่ Fanpage ครับ
มาดูเรื่องเสียงบ้าง ถ้า Samsung Galaxy S3 กับ Samsung Galaxy Note 2 ทำได้ดีกว่ารุ่นพี่มันมากโข
Samsung Galaxy S3 mini ก็ตามรอยกันมาแบบเป๊ะๆ
คือน่าจะเป็นชิปเสียงตัวเดียวกัน แม้แต่ในรุ่น Samsung Galaxy Grand ก็ด้วย
นั่นรวมถึงการปรับแต่งเรื่องเสียงของ Samsung ที่ให้มากกว่าชาวบ้านที่พิกัดเดียวกันอยู่ “เยอะ”
สรุป…ถ้าจะมีโทรศัพท์รุ่นไหนได้การถ่ายทอดพันธุกรรมมาจาก Samsung Galaxy S3 และ Galaxy Note2 แบบพ่อแม่ลูก
ก็คงจะเป็น Samsung Galaxy S3 mini แต่ก็ต้องเผื่อใจในหลายเรื่องที่ตัดออกไป
เพราะราคาขายของ Samsing Galaxy S3 mini อยู่ที่ 10,900 บาท
มีการพูดคุยกันในหมู่คนที่รีวิวเครื่อง Samsung Galaxy S3 mini อยู่เหมือนกันว่ารุ่นนี้จะขายใคร
ถ้าคุณใช้ความคิดแบบผู้ชาย คุณก็จะพบว่าในราคาหมื่นนึง หรือหมื่นนิด
ก็จะมีตัวเลือกในตลาดที่จอใหญ่ สเปคสูสี หรือว่าดีกว่าแน่ๆ
หรือเพิ่มตังค์อีกนิด ก็ได้ Samsung Galaxy S3 มือสองแล้ว
ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่เราต่างก็รู้กันดี และปฎิเสธไม่ได้ว่ามันไม่จริง
แต่ในมุมผู้หญิงจะคิดแบบนี้ ซึ่งผมเก็บมาจากทวิตเตอร์..ซึ่งผมว่ามันก็จริงมากเหมือนกัน
– อย่าพยายามบอกเราว่ารถแต่งของคุณดียังไง สปอยเลอร์หลังรถคุณมันสวยแค่ไหน เพราะพวกเราไม่มีวันเข้าใจ
– รองเท้าผู้หญิงคู่ละห้าพันทำบ่น ทีล้อแม็กผู้ชายซื้อรองเท้าเราได้สี่คู่เรายังไม่พูดเลย
มันคือเรื่องของ “Feelling” แบบประโยคเด็ดของหนังคุณนายโฮนั่นล่ะ
ขณะที่ผู้ชายจะพกโทรศัพท์ 4 นิ้ว 5 นิ้ว เราก็ยัดใส่กระเป๋าหลัง หรือกระเป๋าข้าง
และในอีกมุมนึงผู้หญิงมักมีกระเป๋าวิเศษที่ห้อยที่เหน็บข้างตัวคนละใบ
ในนั้นมีของสารพัดอย่างเกินกว่าที่ผู้ชายอย่างเราจะเข้าใจ และคาดเดาได้
เพราะจากที่ผมเจอมากับตัวคือ ผมพบว่าวันนี้ผู้หญิงหลายคนที่เดินมาปรึกษาเรื่อง Gadget
พวกเธอต้องการอุปกรณ์พกพาขนาดไม่เล็กใหญ่มากนัก
คือขอให้จับถนัดมือ และมีขนาดเพียงพอที่จับใส่กระเป๋าข้างตัวได้ สเปคขอดีหน่อยแบบพอใช้ได้ไม่น่าเกลียด
คือถ้าในกระเป๋าผู้หญิงคนนึงมี Tablet 7 นิ้วอยู่ในนั้น
แล้วคุณผู้ชายคิดว่าพวกเธอจะยังอยากได้โทรศัพท์หน้าจอ 4 นิ้วปลายๆ หรือว่า 5 นิ้วอยู่อีกหรือ
ถ้าคุณผู้ชายคนไหนมีคนใกล้ตัวมาปรึกษาเรื่อง Sasnung Galaxy S3 mini ช่วยย้อนกลับไปอ่านวรรคบนอีกที
เผื่อคุณๆจะเข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงคิดเพิ่มอีกนิดนึง
ขอบคุณ Samsung Thailand ที่เอื้อเฟื้อเครื่องในการทดสอบครับ