เป็น Gadget ประจำปีที่ต้องมานั่งมีลุ้นกันว่า คราวนี้ใครจะได้เป็นผู้ผลิต
สำหรับรุ่นที่สี่ก็เป็นคราวของค่าย LG ที่ได้เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์ในตระกูลของ Nexus
ซึ่งมีชื่อง่ายๆ สั้นๆว่า Nexus 4
การตอบรับในตลาดโลกก็เป็นไปดังคาด
เพราะ Nexus 4 กลายเป็นโทรศัพท์ที่มีการตอบรับจากแฟนๆของ Nexus
จนหลายคนอจจะแปลกใจกันอยู่บ้าง ว่าโทรศัพท์แบบ Pure Google มันมีอะไรดีนักหนา
ลองมาพิจารณาดูกันทีละเรื่องก่อน
ในเรื่องของ Hardware นั้น คือจะว่าไป
ระหว่าง Nexus 4 กับ Optimus G ก็มีอะไรคล้ายๆกันบางอย่าง
อย่างเชนขุมพลัง ในตัวของ Nexus 4ไม่ถือว่าขี้เหร่นักสำหรับการใช้งานทั่วไปภายใน 1-2 ปี
เพราะมากับ Qualcomm Snapdragon S4 Pro 1.5 Ghz
ในเรื่องของ Ram นั่นมีอยู่ 2GB ซึ่งก็น่าจะเป็นมาตรฐานของเครืองรุ่นเรือธงทั้งหลายภายในปีนี้
เรื่องของหน้าจอนั้นเป็น LCD /True HD IPS ขนาดหน้าจออยู่ 4.7 นิ้ว
หน้าจอของค่าย LG นั้นเน้นความสบายตา และการประหยัดพลังงานมากกว่าที่จะเน้นสีสันแสบสะท้านนะครับ
ในตัว Nexus 4 นี่ก็จอแบบเดียวกันกับของ LG Optius G รวมถึงระบบสัมผัสหน้าจอที่เรียกว่า G2 Touch
เท่าที่ลองสัมผัส ก็ติดนิ้ว ตอบสนองดีตามแบบ Nexus ที่ผ่านมา
อ่อ…หน้าจอจะเป็น Gorrilla Glass 2 นะครับ ตามสมัยนิยม
อันนี้ต้องบอกเล่ากันก่อนอย่างนึงคือ Nexus 4
ไม่สามารถแกะฝาหลังเพื่อถอดแบตเตอรี่เองง่ายๆ เท่าไหร่
จริงๆ ไม่ควรแกะออกมาเลยจะถูกกว่า ถึงจะมีน็อตด้านใต้ก็เถอะ
ด้านหลังที่เ็นจุดขายนั้น ถ้ามองบนไฟวิบๆ ก็จะเห็นเม็ดๆที่ด้านหลังซ้อนอยู่ข้างใต้
ซึ่ง LG ถนัดงานออกแบบพวกนี้อยู่แล้ว
ส่วนด้านหลังแตกง่ายแบบที่เค้าว่ากันจริงหรือไม่
เอางี้…มันดูเหมือนเป็นพลาสติคครับ คือแข็งแรงประมาณนึง
แต่ไม่ได้หมายความว่ามันทำตกแล้วมันจะไม่แตก
อย่างตอนผมเทสต์ก็จะใส่ซองมิดชิดอย่างดี
สิ่งที่ต้องเผื่อใจอีกข้อนึงที่ต้องแลกกับความสวยงาม คือ
มันมีการแผ่กระจายเรื่องความร้อนในระดับที่เรียกว่าอุ่นมือได้เลยล่ะ
ฉะนั้นหาเคสใสๆ สวยๆ มาใส่เถอะครับ ชีวิตจะมีความสุขขึ้นอีกนิด
และการที่ลำโพงอยู่ตรงแหน่งด้านท้าย
มันจึงไม่เหมาะกับจับนอนหงายแล้วฟังเพลง เพราะเสียงจะไม่ค่อยออกมา
แบตเตอรี่อันที่ติดภายในตัวเครื่องเป็นความจุ 2100 mAh
เท่าที่ใช้ในช่วงเวลาทำงานแบบปรกติชน บริโภคแบตในระดับที่พอดีๆ ไม่ถึงกับต้องปรี่เข้าหาที่ชาร์จสำรอง
ส่วนพอร์ทการเชื่อมต่อ ไม่ต้องคิดคาหวังอะไรครับ มีมาให้แค่ micro USB อันเดียว
เรื่องของ WiFi นั้น รองรับWifi802.11 a/b/g/n
สำหรับใครที่ใช้ android Beam ผ่าน NFC แน่นอน NFC ก็ยังคงมีอยู่ไม่หายไปไหน
ส่วนเรื่องของการรองรับเครือข่าย นั่นเป้นเรื่องที่ไม่ต้องกังวลมากนัก
เพราะมีมา ครอบคลุมการใช้หลักๆ
GSM/EDGE/GPRS (850, 900, 1800, 1900 MHz)
3G (850, 900, 1700, 1900, 2100 MHz)
Sim ที่ใช้ใน Nexus 4 นั้นเป็น Micro Sim ครับ การเออกมาไม่ง่ายเท่าไหร่ ต้องใช้เข็มจิ้มเอาเท่านั้น
อารมณ์เดียวกับ iPhone นั่นเลย
คือทุกปีใน Nexus ต้องมี สิ่งที่เป็นจุดขาย ที่แสดงถึงเทคโนโลยีของ Google
ก็มาลองไล่ดูกัน
Lock Screen Widget ปรกติเราจะชินกับ Widget ในหน้า Home
แต่ใน Lock Screen Widget นั้น ถ้าเราลากเอา Widget ที่มีให้เลือกลงตรง Screen
เมื่อเราทำการ Un lock หน้าจอนั้นๆ จะเป็นการเข้าไปยัง Widget ที่เลือกได้ทันที
จุดขายอีกเรื่อง Nexus 4 นั่นคือ Google Now .. จริงๆใน Nexus ตัวก่อนหน้าถ้าอัพเดทมันก็มีนะ
คือถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Google คงพอจะเคยชินกับวิถีของ Google
ที่จะเข้ามาเก็บข้อมูลพฤติกรรมของเราไปแทบจะทุกเรื่อง แล้วจับมันไปวิเคราะห์เพื่อหาผลลัพท์เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิต
Google Now นั่นก็เช่นเดียวกัน
สำหรับการใช้งานในไทย อาจจะถึงกับได้ใช้เต็มที่ 100 % จากที่ Google Now ทำได้
คือหลักๆ ที่ใช้งานในไทยจะเป็นรายงานเส้นทางการจราจร จากบ้านคุณไปที่ทำงาน รายงานอากาศ
แจ้งเตือนเกี่ยวกับเที่ยวบิน แจ้งเตือนก่อนถึงป้ายรถเมล์ รายงานผลกีฬา
แต่สำหรับผู้ใช้ในต่างประเทศนั้น Google Now แทบจะเข้ามาอยู่ในชีวิตกันตั้งแต่ออกจากบ้าน
ตั้งแต่เป็นบัตรโดยสารแบบดิจิทัล ข้อมูลที่พัก หรือว่ากิจกรรมใหม่ๆในสถานที่มใกล้เคียง
ถ้าอยากรู้จักมากกว่านี้ ไปดูกันต่อได้ที่ http://www.google.com/landing/now/ ครับ
ใครที่กังวลเรื่องแป้นไทยบน Nexus 4 นี่หายห่วง
ก็มีมาตามมาตรฐาน Android อยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ชอบใจก็หาเปลี่ยนเอาใน Google Play Store ครับ
มาดูเรื่องของกล้องบน Nexus 4 กันบ้าง
กล้องใน Nexus 4 ถ้าเป้นกล้องหลังจะมีความละเอียด 8 ล้าน กล้องหน้่า 1.3 ล้าน
ซึ่งมันก็เป็นมาตรฐานของ Android ปี 2013
ถ้าอยากได้มากกว่านี้..คงต้องจ่ายเพิ่มอีกสองพันแล้วหันไปมอง Optimus G ได้แล้ว
ด้วยความที่ Nexus 4 เป็น Android 4.2.2 หน้าตาเลยต่างไปนิดหน่อย
แต่ยังคงใช้นิ้วเลือกจุดโฟกัสได้เหมือนเดิม แต่ที่อาจจะดูงงๆไปบ้างคือเมนูนี่แหล่ะ
คือเมนูจะถูกซ่อนอยู่ในวงกลมด้านบนขวา ทีนี้สิ่งที่คุ้นเคยอย่าง
White Balance ,การปรับค่า , การตั้งแฟลช , การถ่ายแบบบ HDR , การตั้งค่าไฟแฟลชก็มากันครบ
อย่างนี้ก็ได้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการใช้งานจริงล่ะ
บอกกันตามตรงว่า ตระกูล Nexus ไม่ได้เน้นเรื่องกล้องเท่าไหร่
ซึ่งก็เป็นมาแบบนี้แต่ไหนแต่ไรรวมถึง Nexus 4 ด้วย ยกเว้นเรื่องความไวที่ฝากผีฝากไข้ได้
ฉะนั้น ถ้าอยากถ่ายให้ออกมาดีเท่าที่ฮาร์ดแวร์ทำได้ อย่าลืมเลือก Scene ให้เหมาะสมครับ
และอย่าลืมเรื่องการปรับชดเชยแสงด้วย ซึ่งจะมีบวกลบ อยู่ 2 ระดับ
สิ่งที่ดูเปลี่ยนไปในกล้อง คือ “Photo Sphere” ที่อยู่ด้านซ้ายมือสุด
ปรกคิเราถ่ายรูปกันเราจะมองกันแค่ด้านหน้า
แต่ Google นำพาประสบการณ์ถ่่ายภาพ 360 องศาใส่มาด้วย
นี่ล่ะครับ เบื้องหลังของการถ่ายภาพแบบ 360 องศา คือจะมีจุดวงกลมสีฟ้าลอยอยู่
เราต้องเอาพอย์เตอร์ตรงกลางไปวางให้พอดีแล้วกดชัตเตอร์ทีละมุมๆ คล้ายๆต่อจิ๊กซอว์แบบ 3D
นอกจากถ่ายด้านหน้าเป้นวงกลมแล้ว ยักต้องมีมุมเงย มุมก้มนะครับ จากการใช้งานจริงมัถ่ายไม่ยากเท่าไหร่
ถ้ารู้จังหวะการกะแบบพอดีๆ แต่กว่าจะถ่ายครบนี่มีเมื่อย มีร้อนมือกันบ้าง เพราะใช้เวลาอยู่
เด๊่ยวจะมีรูปให้ดูที่ลิงค์ท้ายบทความนะครับ
ส่วนใครที่สงสัยว่าทางเข้า Gallery รูปหายไปไหนจากที่เคยอยู่ขวามือล่าง
ปาดทางขวามือเจ้าเข้ามาทางซ้ายก็เห็นแล้วครับ ไม่ได้ถูกซ่อนอะไรลึกลับมากนัก
ในเรื่องของการซูมแทนที่จะใช้นิ้วลากขึ้นลากลงที่แผงลาก คราวนี้อยู่ที่ดัชนี้ขยี้นิ้วถ่างที่กลางจอครับ
ส่วนเรื่องของการแต่งภาพนั้น เหมือน Google จะรู้ว่าที่ผ่านมาตัวเอง Geek เกินไปสำหรับผู้ใช้
ก็เลยมีอุปกรณ์แต่งภาพพื้นฐานติดตั้งมาให้ในตัว ทั้งหารปรับโทนสี การ Crop ภาพ การหมุนภาพ หรือว่า การปรับแสงสว่างของภาพ
ส่วนตัวอย่างภาพถ่ายของ Nexus 4 ดูได้ที่ Trendy2Mobi Fanpage นะครับ
พูดถึงภาพถ่ายแล้ว ต้องพูดถึงลูกเล่นใหม่จุ๊กจิ๊กๆนี้หน่อย นั่นคือ Daydream
คือการพักหน้าจอสามารถตั้งหน้าจอโดยดึงรูปถ่ายมาแสดงได้ หริือว่าดึงข่าวสารมาจาก Google Current
อ่อ..ที่เพิ่มมาอีกหนึ่งอย่างคือ Wireless Display ครับ
คือการแสดงผลออกไปยังเครื่องโทรทัศน์รุ่นใหม่ๆแบบไร้สาย
ผมเป็นแฟนของ Nexus เพราะความตรงไปตรงมาของมัน
ฉะนั้นการแก้ปัญหาบางอย่างก็ต้องคิดแบบเดียวกัน
อย่างที่หลายคนทราบ หน่วยความจำภายในของตระกูล Nexus มันถอดไม่ได้
จากที่ผมเคยเจอมาจากรุ่นก่อนคือ ถ่ายรูปแล้วลง Mem ไม่ได้นั่นคือปัญหาเดียวที่ผมมีกับ Nexus รุ่นก่อน
ก็เลือกคำสั่ง Factory Reset ครับ..ทุกอย่างกลับมาสบายดีแต่นานๆเจอทีนะ
แต่ปัญหานี้ผมยังไม่เจอบน Nexus 4 นะ แต่บอกกันไว้ก่อนแต่เนิ่นๆ
ปัญหาข้อเดียวที่ผมเจอจากการถือ Nexus 4 นั่นคือ Deep Sleep หรืออาการหลับลึก
ซึ่งจะว่าไปมันก็เป็นปัญหาขอ งAndroid โดยรวมมากกว่า
ถ้าเป็นรุ่นอื่นถอตแบเตอรี่ก็หาย
แต่คงต้องมีคนกังวลแน่ๆว่า อ้าวก็ Nexus4 มันถอดแบตไม่ได้นี่นาแล้วจะทำยังไง
โทรศัพท์หลายรุ่นก็ถอดแบตไม่ได้ครับ
ใน iPhone มันถอดแบตไม่ได้เหมือนกันมันยังแก้ปัญหาได้ด้วยการ Reset
ใน Nexus 4 มันมีวิธีแก้ Deep Sleepอบมันอยู่
ถ้าคุณกด Power กับ Volume Down พรhอมกัน สัก10 วิ เท่านี้ก็ตื่นแล้วครับ
บอกตรงๆ..ปลุก Furby ให้ตื่นยังยากกว่าเลย
สรุป…ถึงลูกเล่นของ Nexus 4 อาจะดูจะน้อยไป
ในวันที่ทุกค่ายใส่สิ่งอำนวยความสะดวกมาให้ใน Android รุ่นเรือธง
แต่อย่างน้อย LG ก็ใส่ของดีสุดเท่าที่ตัวเองมีกับฮาร์ดแวร์
ในราคาที่แฟนพันธุ์แท้ของ Nexus 4 ยินดีที่จะยอมจ่าย โดยยังคงแนวคิดการออกแบบของตัวเองไว้ได้ดี
นี่เป้นเรนห์อย่างนึงของ Nexus ที่แต่ละค่าย จะงัดแนวคิดการออกแบบของตัวเองออกมาใส่เต็มที่
คือไม่ต้องมีตายี่ห้อก็พอรู้ว่าค่ายไหน เพราะลายเซ็นต์มากันเต็มๆ
และนอกจาก Google LifeStyle แล้ว
Nexus 4 ก็ยังมีเรื่องของการอัพเดทที่อุ่นใจ ตีไปซะว่าซื้อใช้ไปยาวๆสัก 2 ปีมีการอัพได้ตลอด
ถามใจตัวเองแล้วล่ะครับ ว่าชอบแบบแกะห่อแล้วหล่อเลย
ถ้าแบบนั้น.. LG มีทางเลือกให้คือจ่ายเพิ่มอีก 2 พัน ไป Optimus G
Nexus 4 ก็เหมือนบะหมี่สำเร็จรูปเปล่าๆนั่นล่ะ..จะอร่อยหรือไม่
ครึ่งนึงอยู่ที่เครื่องปรุงของคนทำ อีกครึ่งอยู่ที่เราปรุง
แต่ถ้าปรุงแล้วไม่ถูกใจ..ยังไปหาสูตรใหม่ๆ ได้เสมอครับ
เสน่ห์ของ Nexus คืออยากอร่อย อยากได้แบบไหนให้ปรุงเอง
เสน่ห์ของ LG คือ การทำ Stylish Phone ที่ดูดีมีระดับ ราคาจับต้องได้
ขอบคุณ LG Thailand ที่เอื้อเฟื้อเครื่องในการทดสอบครับ