เป็นข่าวครึกโครมในวงการแอพลิเคชั่นกันไป
เมื่อ CTH ออกโรงฟ้องแอฟเปิ้ลหลังจากแจ้งเรื่องแอพละเมิดลิขสิทธิ์ถ่ายทอดบอลแล้วเพิกเฉย
อันนี้ผมบอกเล่าจากประสบการณ์ที่ผมเคยร่วมหัวจมท้ายกับทีมทำ iptv มาก่อนนะครับ
คือ iptv ที่เคยทำจะมีการดึงสัญญาณช่องรายการจากจากช่องโทรทัศน์ต่างประเทศนะครับ
ซึ่งช่องที่ว่าก็เป็น Free To Air
คำว่า Free To Air หมายถึง ปล่อยสัญญาณขึ้นบนอากาศ แล้วไปเอาอุปกรณ์เกี่ยวสัญญาณลงมาดู
แต่มันก็มีข้อแม้อยู่ว่า..ถ้าจะเอาสัญญาณไปในลักษณะฉายซ้ำก็ต้องมาคุยกันหน่อยนะ
อย่าง iptv ที่ผมเคยไปคลุกคลีตีโมง เราดึงสัญญาณจากจานดาวเทียม
แล้วเอาไปเข้ารหัส แล้วก็ยิงสัญญาณผ่านกล่องด้วยลิงค์อินเตอร์เน็ตก็เข้าข่ายนี้พอดี
ซึ่งตรงนี้ก็ต้องมีการทำหนังสืออนุญาตไปยังช่องนะครับ ทั้งไทยและต่างประเทศเลย
ตอนนั้นก็ต้องมีบุคลากรมานั่งทำงานในตำแหน่งอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพราะมันคาบเกี่ยวด้วย “กฎหมาย”
ถึงเราจะดึงสัญญาณมาได้
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีสิทธิ์จะเก็บเงินจากผู้ชมเพิ่มเป็นค่าดู หรือว่าเอาโลโก้ของมาใช้ได้นะครับ
สิ่งทีทำได้คือเก็บค่าลิงค์อินเตอร์เน็ตเฉยๆบวกเพิ่มไป 100-200 บาท
แล้วบอกว่านี่เรามีช่องนี้ๆ ให้ดูนะ ทำได้แค่นั้นจริงๆ
ก็เหมือนจานดาวเทียมน่ะครับเค้าขายอุปกรณ์ในการดึงสัญญาณ
ไม่ได้ขายสิทธิ์ขาดในการชมช่องต่างๆ รวมถึงไม่รับประกันว่าจะได้ดูช่องนั้นตลอดชาติด้วย
อย่างการถ่ายทอกสดออนไลน์ที่มีคำว่าลิขสิทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องเต็มๆ
ที่ผมไปเอี่ยวอีกอันก็อย่าง Big Brother 2 ที่กันตนาเป็นผู้ได้ลิขสิทธ์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
อย่างทีมที่ผมสถิตย์ก็เป็นผู้รับช่วงต่ออีกที เพื่อทำ payment tv
ข้อแม้อันนึงที่โดนบี้กันมาอย่างชัดเจนตั้งแต่เริ่มคุยคือ “ระบบการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์”
“Digital Right Management” หรือว่า DRM นี่ต้องมี ถ้าไม่มีนี่โดนบี้กันยาวๆ
ผมก็วิ่งหูตูบสิทีนี้ การหาผู้ให้บริการ DRM ในไทยตอนดน้นซึ่งหายากมากจริงๆ
เพราะมันมีในสัญญามากันตั้งแต่ต้นเรื่องจากทางฝรั่ง
นั่นล่ะ..พอเข้าใจหัวอก CTH มั้ยครับ
แล้วทำไม CTH ต้องฟ้อง Apple แล้วฟ้องผู้พัฒนาอย่างเดียวไม่ได้เหรอ…อันนี้อยู่ที่เจ้าทุกข์ครับ
อย่างแรกเลยว่า CTH เค้าได้รับสิทธ์จากเจ้าของลิขสิทธิ์ในแง่ไหนบ้าง
เช่น การถ่ายทอดนี่ ถ่ายทอดผ่านช่องทางไหน ภูมิภาคไหนได้บ้าง
จะฟรีทีวี จะดาวเทียม จะแอพ หรืออะไรก็ต้องดูที่ระบุกันในสัญญา
และสิ่งต่อมาคือ การให้ความชัดเจนเรื่องการควบคุม
“ระบบการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์” ในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบทั้งหมดด้วย
คอนเทนต์ระดับโลกที่เป็น เอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์เป็นแบบนี้หมดครับ
ชั้นให้นายคนเดียว..แต่นายต้องรักษาผลประโยชน์ทั้งนายทั้งชั้นด้วยนะ
แล้วยังไงต่อล่ะ
ในประเทศไทย CTH นั้นมีสิทธิ์ และมีความรับผิดชอบเต็มๆ
จากเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ต้องดูแลไงครับ
ทีนี้แอพตัวที่ว่า จะไปดึงสัญญาณจากไหนมาไม่รู้ล่ะ
แต่ตราบใดที่ทำมาขายคนไทย ซึ่ง CTH ถือสิทธิ์แพร่ภาพตรงนี้
ทาง CTH มีสิทธิ์ฟ้องผู้พัฒนาได้ครับ
ซึ่งผู้พัฒนาโดนฟ้องเป็นคดีอาญาไปเรียบร้อย
ผมคาดคะเนเอาเองว่า ถ้า CTH ฟ้องแพ่งคงเสียเวลาและไม่คุ้มหรอก
ส่วน Apple นี่โดนเต็มๆ ในฐานะผู้รับช่วงจากผู้พัฒนาหน้ามืดคนที่ว่า
แก้ตัวไม่ได้ครับว่าผู้พัฒนาอาจจะสอดไส้ตอนส่งแอพมาเข้า App Store แล้วเปลี่ยนกันทีหลัง
ก็ทีตอนรับตังค์ก็รับกันแบบวัดครึ่งนึง กรรมการครึ่งนึงนี่หว่า..จะมาร้องหนูไม่รู้แบบพุ่มพวงคงไม่ใช่ล่ะนะ
และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ App store ของ Apple โดนคดีแบบนี้ครับ
ล่าสุดเห็นแอพตัวที่ว่าถูกถอดออกไปที่เรียบร้อย
ส่วนผู้ใช้คงไม่ได้รับการคืนตังค์แน่ๆครับ อันนี้้ฟันธง
เหมือนคุณเดินไปซื้อแผ่นผี แล้วจะเรียกเงินคืนจากผู้ขายนี่ฝันไปเถอะ
มีบุคคลคนผู้ไม่รู้สี่รู้แปดกล่าวบนโลกออนไลน์ว่า
CTH ต้องเงิบไปแน่งานนี้ เพราะ Apple คงไม่เล่นด้วย จะเอาปัญญาอะไรไปฟ้อง
คงสงบปากสงบคำไปกันไปเป็นแถวๆ
เผลอๆ..สงสัยว่าจะเสียรู้กับแอพนี้ไปแล้วด้วยซ้ำมั้ง
แล้วใครล่ะจะเป็นรายต่อไป
ไม่ต้องสืบกันล่ะครับทีนี้ บรรดาแอพตระกูลซี่รี่ส์และทีเลขต่อท้าย อาจจะเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง
หลังจากโกยเงินกันอิ่มหนำหลังจากอาศัยช่องว่างของกฎหมาย
จุดจบสุดท้ายคิดว่าคงไม่ต่างกันครับ
ขึ้นอยู่กับว่าผู้รับช่วงจากเจ้าของลิขสิทธิ์ในไทย มีขอบเขตในการใช้อำนาจตรงนี้ได้มากน้อยแค่ไหน
แต่ถ้าทางผู้ผลิตคอนเทนต์เล่นเอง อันนี้ก็ไม่มีทางรอดเหมือนกัน
อ่อ…สมัยพวกผมทำ video ondemand กับค่ายหนัง ค่ายละคร
พวกนี้ไม่ได้ส่ง content มาให้ง่ายๆ นะครับ ว่ากันด้วยเลข 6-7 หลัก
รายได้ต้องการันตีเท่านี้ๆ ต่อเดือน ยอดผู้ชมเท่าไหร่ ไม่เข้าเป้ามีถอดทิ้ง
ส่วนคนที่ซวยคือผู้ใช้ตาดำๆที่เสียเงินกันไปคนละหก ถึงเจ็ดเหรียญแล้วออกปากโวยวายว่า
เสียเงินแล้วทำไมแอพดูไม่ค่อยได้ ทำไมไม่อัพเดท
อ้าว…ก็ของเค้าไม่ได้สิทธิ์มาตรงๆ นี่ เค้าทำมากินเงินคุณจะลงทุนพัฒนาต่อยาวๆทำไม
ชื่อผู้พัฒนาก็บอกทนโท่นะครับว่าเป็นใครมาจากไหน ไปไล่บี้เอาเองนะครับ!
ถ้าอยากดูคอนเทนต์ลิขสิทธิ์จริงๆ
เอาง่ายๆ คงต้องพึ่งพา iTunes และ Apple TV ทีวี หรือถ้า Anime ก็ Crunchy Roll ครับ