เวลาที่เรามองไปเครื่องโปรเจคเตอร์ เราก็มักจะคิดแค่ว่า ก็มันแค่เครื่องที่เอาไว้ฉลายสไลด์ แล้วกดเลื่อนๆเป็นหน้า
หรือฉายหนังที่มาจากคอมพิวเตอร์แบบที่โชว์หน้าร้านไอทีเท่านั้นจริงๆ
แต่กับ Epson EH-TW5200 จะเปลี่ยนวิธีคิดของคุณไปโดยสิ้นเชิงเลยจริงๆ
อย่างที่บอกคือ Epson ไม่ได้วางตัวไว้เป็นโปรเจคเตอร์เป็นแค่อุปกรณ์ในห้องประชุม หรือห้องสัมนาเท่านั้น
มาดูคุณสมบัติพื้นฐาน Epson EH-TW5200 ที่เขาสกรีนไว้ที่หลังเครื่องก่อน
จากการกลอกตาอ่านครั้งแรกก็อึ้งไปเล็กน้อย ว่า Epson วางตัวโปรเจคเตอร์รุ่นนี้ไว้สำหรับ Home Theater ของบ้านชัดๆ
เพราะรองรับการเล่นภาพยนต์แบบ 3D ,ความละเอียดภาพแบบ Full HD
, รองรับการเชือมต่อจาก HDMI และ MHL (Mobile High-Definition Link)
ส่วนที่เขียนว่า 3LCD นั่น ต้องบอกเล่าเผื่อใครสงสัย
ตรงนั้นคือคือการฉายแสงผ่านกระจกสามสี คือ น้ำ เงิน แดง และเขียว
ซึ่งทั้งแสงจากทั้ง 3 สีจะถูกนำมาผสมสีในปริซึม แล้วปล่อยภาพออกมา
ทำให้ภาพดูอื่มขึ้นมีความคม และความใสของภาพ ไม่มีรอยเหลื่อมให้เห็น
มาดูพอร์ทการเชื่อมต่อที่ด้านหลังเครื่อง Epson EH-TW5200 กันบ้าง
มี HDMI 2 ช่อง โดยช่องแรกจะเป็น MHL ซึ่งถ้าคุณส่งสัญญาณภาพจา่กแท็บเล็ต หรือว่าโทรศัพท์มือถือ
เราแนะนำให้เสียบที่ช่องนี้ เพราะสามารถชาร์จไฟไปด้วยได้ , มีVGA Port สำหรับเสียบกับคอมพิวเตอร์
มีช่องเสียบ AV ,Auidio Out สำหรับส่งเสียงออก แหล่งขยายเสียงภายนอก, ช่อง USB สำหรับอุปกรณ์เสริมที่เป็น WiFi
ตรงวงแหวนสำหรับปรับ ความคมชัด ระยะใกล้ไกลที่อยู่ด้านบน
ไม่มีอะไรใช้ยากครับ ปรับให้ได้ตามระยะก็พอ
แต่ที่เพิ่มเติมคือ A/V Mute Lens Shutter คือทันทีที่คุณเลื่อนฝาปิด
ภาพบนจอจะเป็นสีดำ รวมถึงการตัดสัญญาณเสียงทันที
แล้วถ้าคุณเลือนปิดสัก 30 นาที เครื่องก็จะทำการปิดอัติโนมัติ เพื่อประหยัดไฟ และยืดอายุของเครื่อง
มาดูสเปคย่อๆ ของ โปรเจคเตอร์ Epson EH-TW5200 กันนิดนึง
Epson EH-TW5200 Specification
- White Brightness (Light Output) / 2000
- Color Brightness (Color Light Output) / 2000
- Native Resolution / 1080p
- Contrast Ration / 15000:1
- Lamp Wattage / 200W
- Lamp Life (Normal/Eco) 5,000/ 6,000
สำหรับการดูภาพยนต์ผ่าน Epson EH-TW5200 ในกรณีที่ไม่ได้มีลำโพงเชื่อมต่อภายนอก
ตัวเครื่องก็มีลำโพงในตัวขนาด 2W ซึ่งเสียงดังใกล้เคียงกับเครื่องโทรทัศน์
จากการทดสอบในสถานที่โล่งยังได้เสียงดังฟังชัดมาก
ในตัวอย่างนี้ผมทดสอบด้วย iPad Air เชื่อมกับ Epson EH-TW5200 ด้วยสาย HDMI
หลังจากเสียบไปปุ๊บก็ใช้เวลาไม่นานก็พร้อมใช้งานได้เลย ไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่มเติม
แล้วก็ไม่ต้องเสียบ Audio Out เพื่อนำเสียงออกมาด้วย เพราะการเชื่อมต่อด้วย HDMI
สัญญาณเสียง และภาพจะมาพร้อมกันครับในเส้นเดียวกันไม่วุ่นวายเหมือนการใช้สายแบบ AV ที่เป็น Analog
ที่ต้องแยกภาพ และเสียงซ้ายขวา
สิ่งที่ทำให้โปรเจคเตอร์ Epson EH-TW5200 แตกต่างไปจากโปรเจคเตอร์สำหรับห้องประชุมทั่วไป
อีกอย่างหนึ่งก็คือการที่รองรับเนื้อหาแบบ 3D โดยมีแว่นตาติดมากับตัวเครื่องเลย
ตรงสันจมูกของแว่นมียางนิ่มๆทำให้ใส่ได้สบาย และใส่ได้ยาวๆ
การแสดงผลแบบ 3D ของ Epson จะเป็นแบบ Active Shutter Glass
ทำไมต้องเป็นแบบ Active Shutter Glass เหตุผลง่ายๆคือ มันจะได้มิติความลึกกว่าแบบ Polarlized 3D
คือเนื้อหา 3D ดูแค่การพุ่งใส่หน้ามันคงไม่ใช่นะครับ มันต้องดูที่ความลึกของภาพด้วย
เนื่องจากแว่นตา 3D ของ Epson EH-TW5200 เป็นแบบ Active Shutter Glass ซึ่งต้องมีแบตเตอรี่ภายใน
ก็เลยต้องมีการเปิดปิดที่ตัวแว่น และทำการจับคู่กับเครื่องโปรเจคเตอร์ด้วยการจับคู่ด้วยการกดปุ่ม Paring ครับ
การใช้พลังงานของแว่นตาที่มากับโปรเจคเตอร์ Epson EH-TW5200
จะไม่มีการเปลี่ยนแบตเตอรี่นะครับ แต่ใช้การชาร์จไฟผ่านพอร์ท Micro USB
ที่แผงปุ่มควบคุมบนตัวเครื่อง Epson EH-TW5200 ครอบคลุมการทำงานแบบกว้างๆ สำหรับการใช้งานทั่วไป
อย่างเช่น เมนู , Ratio, เสียง , เข้าเมนู , ออกจากเมนู , การเลือกแหล่งข้อมูลนำเข้า
มาดูที่รีโมทของ Epson EH-TW5200 กันบ้าง จะแยกเป็นสามส่วนใหญ่ๆ คือ
- การเลือกแหล้งข้อมูลนำเข้าจาก HDMI ,Video ,PC
- การควบคุมการเดินหน้า ถอยหลังของเนื้อหา การเปิดปิดเสียง
มาดูตรงเมนูด้านล่างที่อยู่บนรีโมทบ้าง จะเป็นเรื่องการจัดการภาพ เช่น
- การเลือกรูปแบบ 3D
- การเลือกโหมดของสี
- การสลับ 2D/3D
มาดูที่การกรับแต่งด้านในของ Epson EH-TW5200กันบ้าง
การใช้พลังงานของเครื่อง มีให้เลือก 2 โหมดครับ คือโหมดทั่วไป และโหมด ECO ที่ประหยัดพลังงาน
ด้วยการหรี่หลอดไฟ
ในเรื่องของ color Mode หรือว่าการแสดงโทนสีบนหน้าจอนั้น
ทำให้เห็นค่อนข้างชัดเลยว่า Epson EH-TW5200 ทำโปรเจ็คเตอร์มุ่งเน้นไปที่ความบันเทิงมากกว่าที่เราคิด
โดยมี Dynamic ที่เน้นสีแบบเข้มๆ สดๆ Living Room โทนสีสำหรับห้องนั่งเล่น
Natural ที่เป็นโนสีแบบสบายตา Cinema โทนสีแบบโรงภาพยนต์ รวมถึงโทนสีสำหรับการรับชมแบบ 3D
ซึ่งปรกติแล้วเราจะเห็นการปรับแต่งพวกนี้บนโทรทัศน์เสียมากกว่า
ถ้าคุณคุ้นชินกับการปรับแต่งบนโทรทัศน์ คุณแทยไม่ต้องปรับตัวเพื่อใช้ Epson EH-TW5200 เลย
เพราะก็หลักการแบบเดียวกัน
ลักษณะการใช้งานแบบ 3D บน Epson EH-TW5200
ถ้าเราศึกษาลงไปในเชิงลึก ซึ่งเครื่องก็รองรับความสามารถแบบนั้นด้วย
– Side By Side หรือ Left – Right 3D ที่เป็นการแยกภาพซ้ายขวา
– Top And Bottom หรือ Over – Under 3D ที่เป็นการแยกภาพบนล่าง
– 2D ภาพสองมิติทั่วไป
แต่จากการใช้งานแล้วตั้งค่าให้เป็น Auto ไว้ดีที่สุดครับ เพราะเครื่องจะตรวจจับเองทั้งหมด
เครื่อง Epson EH-TW5200 รองรับระบบ Wireless Lan นะ ครับ
แต่ต้องใช้กับอุปกรณ์เสริมที่ซื้อแยกไปต่างหากโดยจะเป็น USB Dongle
ในส่วนของ info จะบอกข้อมูลการเชื่อมต่อ ชั่วโมงของเครื่องโปรเจคเตอร์
ซึ่งอันนี้สำคัญนะครับ เพราะโปรเจคเตอร์แต่ละเครื่องจะมีมีอายุการใช้งานของตัวหลอดอยู่
รวมไปถึงลักษณะของฟอร์แมทของ 3D ที่ส่งเข้าเครื่องโปรเจคเตอร์ด้วย
เรื่องน่ารู้ก่อนซื้อโปรเจ็คเตอร์
คุณสมบัติในการให้สี หรือเรื่องของความสว่างของโปรเจ็คเตอร์นั้นจะมีข้อมูลบางอย่างที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาคือ
ค่าความสว่าง (Brightness) ของแสงของโปรเจ็คเตอร์ ซึ่งค่าความสว่างนี้จะมีหน่วยเป็น “ลูแมนส์” (Lumens)
หลายๆคนอาาจะเคยคุ้นตากับคำนี้ เพราะจะถูกใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงหลักๆ หลัก
แล้วตัวแสงที่ฉายออกจากโปรเจ็คเจะถูกแบ่งออกมา 2 ประเภท คือ “แสงขาว” (White Light Output)
และ “แสงสี” (Colour Light Output) ซึ่งแสงทั้งสองแบบนี้จะประกอบกันจนกลายเป็น ภาพที่ฉากรับภาพ
ถ้าแสงที่ฉายออกมามีความสว่างสูงเท่าไร ภาพที่ถูกฉายออกมาก็จะความคมชัด และสามารถใช้งานในที่ที่มีแสงสว่างได้
แต่ก็นั่นล่ะกว่าจะเห็นเป็นภาพบนโปรเจ็คเตอร์ มันไม่ได้มีแค่ความสว่างของแสงขาวเท่านั้น
เพราะเราไม่เอามาดูเอกสารขาวดำแค่นั้นจริงมั้ย ก็เลยต้องมีปัจจัยอื่นที่ต้องสนใจคือ ค่าความสว่างของสี
แล้วค่าความสว่างของสีคืออะไร
ค่าความสว่างของสี เป็นค่ามาตรฐานสากลสำหรับใช้ในการวัดค่าความสว่าง แสงสี
ที่ถูกฉายจากโปรเจ็คเตอร์ ซึ่งค่าแสงสี ที่ถูกฉายออกมา ประกอบด้วย แสงสีแดง แสงสีเขียว และแสงสีน้ำเงิน
สิ่งเหล่านี้เป็นการวัดผลจาก
ค่าความสว่างของสี – ผลการแสดงแสงสี
ค่าความสว่างของสีขาว – ผลการแสดงแสงสีขาว
แต่ข้อมูลเกี่ยวโปรเจ็คเตอร์ทั่วไปที่เขาบอกเราคือ ค่าความสว่างของแสงขาวเท่านั้น
คือเขาไม่ได้โกหกเรา แต่เแค่เอาข้อมูลที่ดูดีมาบอกแค่นั้นแหล่ะครับ
การหาค่าความสว่างของสีในโปรเจ็คเตอร์ เขาดูกันตรงไหนยังไง
การหารายละเอียดค่าความสว่างสีขาวและค่าความสว่างสี โปรเจ็คเตอร์ที่มีค่าความสว่างสีขาวเท่ากัน
จะมีค่าความสว่างของสีที่ต่ำกว่า และแตกต่างกัน ซึ่งผู้ผลิตบางรายเขาจะกั๊กๆ
ในเรื่องของรายละเอียดโปรเจ็คเตอร์ทึ่เขาขาย เพราะมีความสว่างเพียง 1/3 เมื่อทำการวัดค่าสี
เทคโนโลยี 3LCD คืออะไร
โปรเจ็คเตอร์ 3LCD ให้สีที่สดใสและแม่นยำ ถูกสร้างโดย shades และ hues
ที่แตกต่างกันด้วยการกรอง แล้วผสมลำแสงของแม่สี ทั้งสามสี
การงานของโปรเจ็คเตอร์ 3LCD นั้นเริ่มจากแสงสีขาวถูกแยกเข้าไปในลำแสงของแม่สีทั้งสาม (แดง เขียว และน้ำเงิน)
แล้วกรองผ่าน LCD เพื่อให้เม็ดพิกเซลของภาพที่ได้ มีความสว่างที่แน่นอน โดยลำแสงสีจะถูกรวมเข้าไปใหม่ใน prism
ก่อนถูกฉายออกมาเป็นภาพที่สมบูรณ์
โดยภาพที่ได้จากโปรเจคเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี 3LCD จะมีรายละเอียดมากขึ้น มีการไล่ระดับสีที่ดีขึ้น ไม่มีผลของ เบี่ยงเบนของสีหรือ “colour breakup”
ทำให้รู้สึกสบายสายตา และประหยัดไฟมากขึ้น25% เมื่อเทียบกับโปรเจ็คเตอร์ single-chip ที่ใช้หลอดไฟขนาดวัตต์เดียวกัน
ซึ่งเราสามารถหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ตามนี้นะครับ
– 3LCD หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.3lcd.com
– ค่าความสว่างแสงสี หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.colorlightoutput.com
สรุปเกี่ยวกับ Epson EH-TW5200
โปรเจ็คเตอร์ในยุคนี้ก้าวข้ามการทำงานในห้องประชุม หรือว่าห้องสัมนาไปไกลมากแล้ว
เพราะสามารถเข้าไปแทรกตัวอยู่ในห้องนั่งเล่นได้ น้ำหนักตัวมันเบากว่าที่คิดครับแค่ 2.8กิโล
บางทีนี่น่าจะเป็นช่วงช่วงเวลาที่ดีในการเปลี่ยนโปรเจ็คสำหรับสำนักงาน
หรือว่าห้องสัมนนาโรงแรมต่างๆ ที่ยังใช้โปรเจ็คเตอร์รุ่นเดิมๆ อยู่
เพราะโปรเจ็คเตอร์รุ่นใหม่ๆอย่าง Epson EH-TW5200
ก็รองรับมาตรฐานใหม่ๆ ของมาตรฐานในวงการ it และเทคโนโลยเพื่อความบันเทิง
เรื่องเล่าเศร้าใจของการเจอโปรเจคเตอร์รุ่นเก่า
จากวรรคบนหลายคนที่อ่านจบอาจจะยังลังเล
ที่จะเปลี่ยนไปใช้โปรเจคเตอร์ใหม่ๆ ดีหรือไม่ เพราะราคาเครื่องนึงก็หลายบาท
มาลองอ่านประสบการณ์ “จริง” ของผู้เขียนดูบ้างนะครับ
ก่อนหน้าที่จะได้เครื่อง Epson EH-TW5200 มาทดสอบ
ผู้เขียนมีเหตุที่ต้องไปนำเสนองานวิดีโอที่ผู้เขียนถ่ายทำ และตัดต่อในห้องสัมนาโรงแรมใหญ่
ซึ่งงานของผู้เขียนถูกทำบนแท็บเล็ต แล้วคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คแบบบางซึ่งการเชื่อมต่อออกจอเป็น HDMI
รวมถึงงานวิดีโออีกตัวก็ถ่ายทำบนแท็บเล็ต ซึ่งแน่นอนว่าผู้เขียนจะควบคุมการเล่นผ่านแท็บเล็ต และต่อด้วย HDMI
ซึ่งโปรเจคเตอร์ที่ผู้เขียนเจอในโรงแรมใหญ่เป็นเครื่องรุ่นเรื่องธงในยุคสมัยหนึ่ง
แต่เป็นในยุคที่ยังต่อด้วย VGA …. งานเข้ากันล่ะสิครับทีนี้ วิ่งหาหัวแปลงกันให้ควั่ก
แต่โชคยังเข้าข้างครับ..แค่ครึ่งเดียว
ถ้าจะบอกว่าตัวแปลง HDMI เป็น VGA ก็มีขายครับถ้าคุณใช้กับคอมพิวเตอร์คงไม่มีอะไร
แต่ตัวแปลงมันไมไ่ด้ใช้กับแท็บเล็ตทุกที่มีขายในตลาดครับ อย่างน้อยก็ iPad ล่ะ
สรุปวันนั้นผมต้องแก้ไขปัญหาการฉายภาพจาก iPad ขึ้นโปรเจคเตอร์ด้วยกล้องเว็บของของโน๊ตบุ๊ค
มันคงไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่ากับที่เราถ่ายหนังด้วยระบบดิจิทัล แล้วต้องฉายด้วยความชัดแบบหนังกลางแปลง
ขณะที่ Epson EH-TW5200 ผมจับฉายหนังจากiPad ด้วยการเสียบตัวแปลงแล้วนั่งรอไม่ถึง 5 วินาที แล้วนั่งดูด้วยความชัดระดับ HD
ตอนนี้ยังเสียดายไม่หายว่า ผมพบ Epson EH-TW5200 ไปแค่ “วันเดียว”จริงๆ
เมื่อมาตรฐานของการเชื่อมต่อเปลี่ยนไป เมื่อปัญหามาการเชื่อมต่อจ่อคอหอย
บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่มากเพียงต่อต่อการเปลี่ยนโปรเจคเตอร์ได้แล้วนะครับ
รับข่าวสารจาก Epson Thailand ได้ที่นี่นะครับ
https://www.facebook.com/EpsonThailand