งาน AIS 4G New World New Experience ไม่ได้มีแค่แถลงข่าว 4G แต่ยังมีนิทรรศการแสดงนวัตกรรมใหม่กันด้วย เราพาคุณไปเดินดูกันครับ ว่าปีนี้มีอะไรใหม่บ้าง
ส่วนมากคนก็จะนึกแค่ว่าปีที่ผ่านมา 2015 ได้ทำอะไรไปแล้ว และปี 2016 กำลังทำอะไร จะเขยิบตัวไปในทิศทางไหน
ทุกวันนี้ธุรกิจของ Mobile Operator ไม่มีแค่ทำเครือข่ายการสื่อสารแล้วจบไปครับ
แต่ต้องเข้าช่วยให้ชีวิตของผู้ใช้ง่ายขึ้น ได้รับความสะดวกมากขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มความสะดวกการทำงานภาคธุรกิจด้วย
เขาก็เลยมีนิทรรศการที่แสดงความล้ำหน้าที่กำลังจะมาโดยงานนี้จัดกันที่ Siam Paragon Hall ที่เดิม
คือเดินเข้ามาก็เห็นธงแล้วครับว่า การเขยิบขึ้นมา 4G ครั้งนี้มากับเทคโนโลยี LTE-A หรือ LTE-Advanced
แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่น่าเรื่องน่าตื่นเต้นที่สุดนักหรอก มาไล่เดินดูตามบูทดีกว่าว่ามีอะไรใหม่ๆ ครับ
ซึ่งบูทแรกที่เข้ามาต้องเจอเลยคือ VoLTE ซึ่วงน่าจะใกล้เคียงกับพฤติกรรมการใช้ในวันข้างหน้ามากที่สุดแล้ว
VoLTE หรือ เรียกเต็มๆว่า Voice over LTE เป็นการพัฒนาต่อยอดขึ้นมาของการสื่อสารผ่าน LTE ครับ
คือแต่เดิมเนี่ยการใช้งาน LTE จะสามารถรับส่งได้ข้อมูลเท่านั้น ถ้าจะให้ส่งเสียงไปใช้งาน Data ไป ระบบจะปรับลงมาเหลือแค่ 3G
แต่ถ้าใช้เทคโนโลยีนี้จะสามารถส่งเสียงไปด้วยได้ แล้วใช้อินเตอร์เน็ตแบบ 4G ไปด้วยได้ และแถมยังมีคุณภาพเสียงที่ดีกว่าเดิมในระดับ HD
รวมถึงใช้เวลาโทรออกรับสายเร็วมากขึ้นเมื่อเที่ยบกับ 2G/3G และที่เขาเอาตู้มาแสดงนั้นเพื่อให้เห็นการใช้งานจริงว่า
VoLTE นั้นสามารถใช้งาน VDO Call ได้อย่างราบรื่นบนความละเอียดระดับ 1080p ขนาดไหน
AIS กับ Smart Home
จริงๆ ในงานมีป้ายว่า IOT หรือ Internet Of Things อันเป้งมาก
เราเลยอยากยกในส่วนของที่เป็น Smart Home มาให้ดูก่อน
ว่าอินเตอร์เน็ตช่วยอำนวยความสะดวกภายในบ้านให้เราอย่างไร
อันแรกเป็น “ปลั๊กไฟอัจฉริยะผ่าน WiFi” จาก Sunday Technology
คือถ้าบ้านสร้างใหม่จะติดตั้งระบบอิเล็คโทรนิคแบบ Smart Home ในตัวคงไม่แปลก
แต่บ้านที่มีอยู่การใช้งานนานแล้ว จู่ๆ จะมาทุบรื้อเพื่อฝังระบบใหม่ลงไปนี่ไม่ง่ายนะครับ
ปลั๊กตัวนี้คุณสมบัติคือเชื่อมต่อกับ WiFi แล้วสั่งงานผ่านโทรศัพท์กับแอพลิเคชั่น
เพื่อดูการใช้งานไฟ ควบคุมการเปิดปิดจากระยะไกลเผื่อว่าลืมถอดปลั๊ก
การเชื่อมต่อของปลั๊กไฟกับโทรศัพท์ใช้สแกน QR Code แบบนี้ล่ะครับ
ปลั๊กตัวนึงก็ QR Code ชุดนึงสำหรับหนึ่งจุด กำลังจะเปิดขายตัวจริงเร็วๆนี้
เขยิบมาใกล้ๆนิดนึง หลายบ้านเริ่มมีการติดตั้งวงจรปิดแบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเอาไว้ หรือที่เรียกว่า IP Camera
ก็เพื่อดูความเป็นไปภายในบ้าน หรือดูแลรักษาความจากระยะไกล ในงานเขาก็มีเอามาแสดงของ netatmo
ซึ่งก็มีตั้งแต่ Home Security Camera คือการสแกนใบหน้าก่อนเข้าบ้าน และแจ้งเตือนว่าใครกลับมาถึงบ้านแล้วบ้าง
หรือแม้กระทั่งตัววัดสภาพแวดล้อมภายในบ้าน อุณหภูมิ อากาศบริสุทธิ์ ความชื้น โดยแจ้งผลผ่านโทรศัพท์มือถือครับ
มาดูกล้องอีกรุ่นจาก Withings ซึ่งเป็นกล้องสำหรับดูแลรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน แล้วเรียดูภาพสดๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือผ่านเครือข่าย 3
G/4G ตัวนี้ความละเอียด 1080p มีซูม 12X และสามารถถ่ายทอดภาพได้ในที่แสงน้อยด้วย Night Vision
บางคนอาจจะบอก เฮ้ย..บ้านฉันยังปลูกผักอยู่เลยจะเอาไปทำไมระบบอัจฉริยะขนาดนั้น
จริงๆ นวัตกรรมก็เอามาประยุกต์กับความเป็นอยู่ทั่วไปได้อย่าง “ระบบวางแผนควบคุมการปลูกพืชอัจฉริยะ”
ของทาง SP Smart Plants
ระบบนี้จะสามารถบอกอุณหภูมิ ระดับความชื้น และแรงลมได้
รวมถึงตั้งเวลาในการรดน้ำให้กับพืชในแปลงได้ครับ
รวมถึงแปลงดอกไม้ที่ต้องการการรดน้ำแบบตามเวลาที่แน่นอน
โดยการควบคุมนั้นทำผ่านทางสมาร์ทโฟนหรือว่าแท็บเล็ตเป็นแบบ Web Base
ผมยืนคุยกับน้องเขาพักใหญ่ๆ เรื่งมันเริ่มต้นจากการขี้เกียจขึ้นไปรดน้ำต้นไม้ในบ้าน
เลยค่อยๆสร้างโปรแกรมขึ้นมา ซึ่งก็พัฒนาต่อเนื่องมาแล้ว 3 ปี จนตอนนี้เริ่มมีผู้สนใจต่อต่อนำไปจริงกับธุรกิจแล้ว
ติดต่อกันได้ที่ https://www.facebook.com/spsmartplants ครับ
AIS กับ Digital Life
ในแวดวงผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่เห็นแข่งขันกันเรื่องสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า
ซึ่งนำก็เอา AIS Passbook มาแสดง ใครที่ใช้ iPhone อาจจะเคยเห็นแว้บๆ คือ
นี่เป็น Boarding Passes , ตั๋วเข้างาน , ตั๋วเข้าโรงภาพยนต์ , คูปองแลกซื้อ
ทั้งหมดนี้อยู่รูปแบบดิจิทัลรวมไว้ในอันเดียว ไม่ต้องพกบัตรหลายในหลายสีให้เปลืองพื้นที่กระเป๋าสตางค์
การ Add Pass ก็แต่เปิดแอป Wallet ใน iPhone และทำการสแกน QR Code ก็จะได้บัตรเข้างบาน
พร้อมสูจิบัตรสำหรับบอกรายละเอียดคือในงาน
รอดูต่อไปครับว่าในอนาคตจะมีการสร้างมูลค่าเพิ่มตรงนี้อย่างไรบ้าง
AIS กับ Mobile Internet ในทุกพื้นที่
จะมี 4G ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประทศไทยไปทำไม ถ้าไม่มีเหตุผลในการนำไปใช้
ผมเดาความคิดเขาไว้แบบนั่น หลังจากเห็นตัวโชว์ของ AIS 4G Car WiFi
เอาเข้าจริงๆ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่เราได้เห็นสินค้าตัวนี้
แต่มันทำให้เราแน่ใจภาพที่กำลังเดินว่า Mobile Broadband ล้วนอยู่รอตัวเรา
ถ้าจะมีใครสักคนโยนคำถามขึ้นมาว่า โทรศัพท์ทุกเครื่องมันก็มี Sim Card อยู่แล้วนี่
แล้วจะมีของสิ่งนี้กันไปทำไม เราจะบอกว่าคือ Gadget ไม่ได้มี Sim Card ไปหมดนะครับ
อย่างแท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คหลายรุ่นก็ไม่ได้มี SimCard ในตัว
มีบางคนที่เขานั่งทำงานในรถ และมีคนขับรถให้การใช้แบบนี้มันก็สะดวกกว่า
เอาโทรศัพท์เสียบช่องเสียบบุหรี่แล้วต้องมีสายห้อย
ถ้าวันนึงจะมีรถตู้หรือแท๊กซี่ติดเป็น Option เสริมคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
การทำงานเบื้องหลังก็แบบเดียวกับแท่ง AirCard
คือเปลี่ยนสัญณาณ 3G/4G เป็น WiFi โดยรุ่นนี้รองรับ LTE FDD ที่ 1800 / 2100 MHz
โดยรองรับได้ 10 User ความเร็วสูงสุด 150 Mbps ราคายังไม่ออกครับ
คาดว่าน่าจะอยู่ราว 2,000 กว่าบาทพอๆกับค่ายอื่น
AIS กับการเอาจริง VDO Streaming Content
หลังจากที่งานในปีที่แล้วมีการเปิดตัว AIS Playbox ซึ่งทำให้เห็นภาพชัดเจนแล้วว่า
ตั้งเป้าในการหาเนื้อหาลงมาสู่บริการ Streaming ทั้ง Internet Broadband ในบ้าน หรือว่า Mobile Broadband
การที่มีโปรโมชั่นหนังฟรีให้กับแพคเกจ 4G นั่นคือแค่ส่วนนึง
แต่ของจริงอยู่นี่ต่างหากคือ AIS Play อย่างที่ตลาดรับรู้ไปแล้วบ้าง
คือจะเป็นแอปที่รวมช่อง Free TV VDO On Demand และอื่นๆ
แต่ที่ต้องดูต่อไปคือการจับมือกับพันธมิตรนั่นละ
และการนำช่องที่เราไม่คิดว่าจะได้เห็น อย่าง Ditto TV
ซึ่งรายนี้มีรายการทีวีสด มีรายการทีวี มีหนังออนไลน์ที่เป็นของประเทศอินเดีย
จริงๆแฟนหนังอินเดียบ้านเราถึงไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีความเหนียวแน่นอยู่นะครับ
ซึ่งในวันงานก็มีการเปิดตัวอย่างของ Ditto TV ในโทรศัพท์มือถือด้วย
คือถ้าใครไปเดินพาหุรัดยุคก่อนที่แผ่น VCD หรือ DVD รุ่งเรืองก็จะเข้าใจสิ่งที่ผมพูด
เพราะนี่คือการเอาเทคโนโลยีเข้ามาตามการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นตลาดเฉพาะ
ส่วนผู้ให้บริการหนังออนไลน์สัญชาติไทยเจ้าอื่นๆ ที่มาอยู่รว่มกันกับ AIS Play ก็มีครับ
อย่าง Primetime และ Movie Plus
แล้วทำไมเขาถึงเอาผู้ให้บริการแนวใกล้เคียงกันมาประชันกันได้ขนาดนั้น
คือเขามองว่ามี Network มีระบบไว้เหมือนวางหน้าร้าน และทำระบบหลังบ้านให้ดี
ใครที่มีเนื้อหาที่ดีที่น่าสนใจ มีบริการที่น่าสนใจก็มาคุยกัน และไม่เน้นการสร้างเนื้อหาด้วยตนเองเพาะไม่ใช่สิ่งที่ถนัดนัก
และเจ้าสิ่งนี้ก็เป็นสินค้าอีกตัวที่บอกว่า พฤติกรรมการดูทีวีเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
คือ Samsung Galaxy View ครับ ซึ่งเป็นหมวดหมู่ใหม่ของ Samsung
จริงๆไส้ในคือ Tablet Android จอขนาด 18 นิ้ว ซึ่งขายเฉพาะ AIS
มีการปรับแต่ง UI ให้เข้ากับบริการ Video On Demand ใช้นิ้วจิ้มๆแล้วเปิดดู
ซึ่งตอนนี้ก็มีขายพร้อมโปรแล้วครับ คือเหมือนบอกกันนัยๆล่ะว่า
ถ้านั่งอยู่กับที่เฉยๆ ในบ้านก็เปิดกล่อง AIS Playbox ไป
ส่วนถ้าเดินไหนก็ใช้เจ้า Samsung Galaxy View ดูรายการคู่กับ AIS Fibre ผ่านแอป AIS Play ไปก็แล้วกัน
ก็ถือว่าเป็นสินค้าทดแทนบริการพวกโทรทัศน์ระบบเคเบิ้ล หรือจานดาวเทียมได้ระดับนึง
ผมลองยกดูลายรอบแล้ว ก็พอแบกได้รอบบ้านโดนไม่เมื่อยแขนลากไปซะก่อน
ว่าแต่แอป AIS Play มีอะไรบ้าง
- 100 ช่องทีวี
- รายการทีวีย้อนหลัง 7 วัน
- Video On Demand กว่า 3,000 ชั่วโมง
- มีผู้ให้บริหารหลากหลาย อาทิ Hooq , Primetime และอื่นๆ
AIS กับ Virtual Reality Content
จริงๆอันนี้ก็มาให้ประหลาดใจเหมือนกัน ถ้าใครอ่านข่าวที่ผมเล่าทุกเช้า
ผ่าน Twitter @jetboat26 คงจะผ่านตาบ่อยๆ ว่า Virtual Reality
และเนื้อหาแบบ 360 นี่เป็นสิ่งกำลังมา
ถึงมันไม่ใช่ของใหม่นัก แต่ดูเหมือนว่าเทคFนดลยีเริ่มจะพร้อมแล้วในราคาที่จับต้องได้เสียที
เราเลยเห็นบูธในงานที่นำเสนอเรื่องนี้อยู่หลายส่วน
Samsung จนมากันเงียบมากกับ Samsung Gear VR สนนราคาอยู่ 3,000 บาทกลางๆ
มีขายกันที่งาน Mobile Expo แน่นอน
คือด้วยราคาที่ถูกกว่ารุ่นเดิมมาก เราเลยถามเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมไปว่าจะมีเนื้อหาพิเศษเพิ่มมั้ย
คำตอบที่ได้คือคือ “ยัง” ก็อาจจะยังไม่รู้ ยังไม่มี หรือยังบอกไม่ได้ ก็สุดแท้แต่จะเดากันไปก่อนนะครับ
หลายๆคนรู้อยู่แล้วล่ะว่ามี AIS Online Store เอาไว้ขาย Gadget และโทรศัพท์
แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่า มีตัวต้นแบบสำหรับ Virtual Display อยู่
เราเคยได้นั่งคุยกับผู้บริหารที่ดูแลเรื่องเทคโนโลยีใหม่เรื่องนี้อยู่แว้บๆ
ก็ได้เห็นเขาเอามา Demo ให้ดูกันจะๆ อนาคตการซื้อของออนไลน์จากทางบ้าน
อาจจะใกล้เคียงกับแบบนี้ล่ะ แต่ตอนนี้นั่งพลิกของไปมาแบบนี้กันไปก่อน
ตรงด้านนอกก็มีบูทเกม Zombie Shooter แนว VR ของคนไทยด้วยครับ
AIS กับ Mobile Commerce
อันนี้มีการเปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายทีที่แล้วกับ mPAY ที่เปลี่ยนจากแค่การเป็นกระเป๋าเงินอิเล็คโทรนิค
ก้าวข้ามไปสู่ Mobile Payment Gateway รับกับกระแส M-Commerce
การขอ Payment Gateway สำหรับร้านค้าย่อยไม่ใช่ของง่ายครับ เขาก็เลยเข้ามาเป็นตัวกลางตรงนี้
แนวคิดคือให้ร้านที่ค้าขายผ่าน Social Media ย่าง Facebook หรือ Instagram
มีช่องทางการรับชำระที่ง่ายขึ้นโดยผ่านโทรศัพท์ และรองรับรูปแบบของ Cashless Society
เรื่องการใช้ mPay Gateway เราเคยเขียนกันไปแล้วครับ ย้อนกลับไปอ่านกันได้
https://www.trendymobile.net/2015/11/review-ais-mpay-gateway/
AIS กับ Social Enterprise
ทำธุรกิจก็ต้องมีการคาดหวังตัวเลขกำไรเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ว่าธุรกิจบางอย่างก็สามารถกลับคืนสู่สังคม และมีผลกำไรเข้ามาได้พร้อมๆกัน
คือสังคมอยู่ได้อย่างยั่งยืน และธุรกิจก็สามารถเดินต่อไปได้อย่างไม่ต้องยืนฝืน
ที่โดเด่นเด้งเข้าเบ้าตาก็นี่ครับ “Social Giver”
Social Giver เป็นเว็บที่มีแนวคิดสั้นๆ “ช็อปเท่ากับช่วย”
โดยจะหาสินค้าและบริการจากแบรนด์ดังๆ อย่าง โรงแรม ร้านอาหาร และกิจกรรมต่างๆ
มานำเสนอในราคาสุดพิเศษ เพราะหลายแบรนด์ก็ไม่อยากลดราคาให้เสียภาพลักษณ์ในการทำสงครามราคา
จึงเข้ามาร่วมกับกิจกรรมแนวนี้ซึ่งดูมีประโยชน์กับสังคมมากกว่า
คือทุกการช็อปในนี้ที่ลูกค้าซื้อไป 70% ของกำไรยกให้การกุศลเพื่อสังคม แล้วตัวเองก็เก็บไว้ 30%
ซึ่งที่นี่ หนึ่งใน AIS Startup ที่ไปกวาดรางวัลมาแล้วหลายเวที รู้จักกับ Social Giver ได้ที่นี่ครับ
https://www.socialgiver.com/shop/
จอสอ100 นี่ก็อยู่นักขับรถชาวไทยมาช้านาน
และยุคที่ข้อมูลทุกอย่างอยู่ในโทรศัพท่นี่ก็ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยไวมาก
โดยออกแอปพลิเคชั่น JS100 สำหรับรายงานสภาพการจราจร แจ้งเหตุฉุกเฉิน ดูจุดอุบัติเหตุบนท้องถนน
ดูรายละเอียดกันที่นี่ครับ http://www.js100.com/mobile
อันนี้ไม่เกี่ยวกับเทคโนโลยีแต่เราอยากเล่าครับ
AIS ร่วมกับ จอสอ 100 ทำโครงการ “ปันฝัน”
เพื่อเป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือผู้พิการยากไร้ที่
AIS กับธุรกิจโรงแรม
โรงแรมก็เป็นอีกธุรกิจที่พึ่งพาการสื่อสารภายในอย่างสูง
ก็เลยมีแอปพลิเคชั่น In-Room Smartphone ขึ้นมา
การที่เราเข้าพักที่โรงแรมเราอยากได้อะไรบ้างครับ
การติดต่อกับเจ้าหน้าที่แบบง่ายๆ สามารถเข้าถึงบริการแบบไม่ต้องจำเบอร์ต่อภายใน
ข้อมูลและสถานที่ใกล้เคียงกับโรงแรม การจัดการเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม
ซึ่งแอปนี้ตัวนี้ก็ช่วยจัดการรายละเอียดปลีกย่อยให้มาย่ออยู่โทรศัพท์มือถือครับ
จริงๆในตัวงานก็มีอีกหลายส่วนครับ ในส่วนก็จะเป็นยกทัพ Start Up มาร่วมแสดงตัวกัน
ซึ่งในตอนนี้ AIS เองก็มีส่วนร่วมผลักดันบริษัทเกิดใหม่สายพันธุ์ดิจิทัลเหล่านี้กว่า 300 บริษัทแล้ว
อย่างที่เขียนไว้ตจั้งแต่ย่อหน้าแรกครับ Mobile Operator ยุคนี้ ไม่ได้มีแค่แนวคิดว่า
จะต้องขายโปรใหม่ๆ ขาย Data กันในราคาเท่านั้นเท่านี้กันอย่างเดียว
แต่จะพ่วงด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ผ่านเครือข่ายการสื่อสารเข้ากับรูปแบบชีวิตของมนุษย์ที่เปลี่ยนไป
แบบในโฆษณาชิ้นนี้นั่นล่ะครับ
ขอบคุณ : AIS ที่เอื้อเฟื้อโอกาสครับ