DJI เคยสร้างตำนาน Gimbal สำหรับตลาด Consumer
จนถูกผู้เล่นรายอื่นจากจีนดึงเอาคุณสมบัติไปใช้แล้วทำมาในราคาที่ถูกกว่า
คราวนี้ถึงเวลาการเอาคืนจาก DJI บ้าง กับการกลับมาของ Osmo Mobile 2
มีอะไรที่เปลี่ยนไปใน Osmo Mobile 2
เปลี่ยนไปใช้ bluetooth 4.0 ที่กินไฟน้อย
และกลายเป็นมาตรฐานที่โทรศัพท์มือถือทุกวันนี้รองรับแล้ว
แบตเตอรี่เปลี่ยนมาใช้แบตเตอรี่แบบฝังในตัว
ใช้ได้นานสุงสุด 15 ชั่วโมง เพราะมากับแบตเตอรี่ 2600 mAh
ส่วนความกว้างของโทรศัพท์ที่รองรับคือ 58.6 – 85 มิลลิเมตร
ของเดิมรองรับที่ 58.6-84.8 mmส่วนเรื่องการรองรับ bluetooth ก็เป็น bluetooth 4.0 เหมือนเดิม
แท่นล็อคโทรศัพท์ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ก็จะคล้ายๆกันคือเป็นขาดึงยึดขึ้นมา
น้ำหนักน้อยลงกว่าเดิมคือเหลือแค่ 485 กรัม
สามารถชาร์จไฟได้จาก Power Bank ได้ถ้าใครเคยเล่น Zhiyun Smooth Q
อาจจะอุทานนี่มาช้าแต่ดึงข้อดีที่คู่แข่งเอาไปแก้ไขแล้วดึงมาใช้มาเป็นของตัวเองนี่หว่า
องศาการแพรภาพอยู่ที่ ±160° ขณะที่รุ่นเดิมอยู่ที่ Pan: ±150° เท่านั้น
และสิ่งที่แตกต่างอีกอย่าง ที่หลายคนรอคอยคือรองรับกับการใช้งานวิดีโอในแนวตั้ง
รุ่นใหม่ออกมาน่าซื้อมั้ย
ถ้าคิดว่าจะเอาไว้ใช้งานต่ออุปกรณ์ภายนอกแบบจริงจัง
ถ้าใช้ตัวแรกยังซื้อแกนข้างมาเสียบต่อง่ายกว่า เพราะรุ่น 2 นี่ตัดรูใส่แกนด้านข้างทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ยังมีช่องสำหรับใส่กับอุปกรณ์ล็อคพวกขาตั้งได้อยู่ที่ด้านล่าง
ถ้าคิดจะซื้อใช้ระยะยาวอันนี้ก็ตอบยากเพราะรุ่นแรกสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้
อย่างน้อยก็สามรารถซื้อแบตสำรองมาเปลี่ยนได้เอง
แต่รุ่นสองใช้แบตเตอรี่ในตัว อยู่ได้นานสูงสุด 15 ชั่วโมง รุ่นเดิมนานสุดคือ 3 ชั่วโมง
ถ้าตีกลมๆ คือถ้าใช้รุ่นเดิมต้องพกแบตเตอรี่ถึง 5 ก้อน
ส่วนเรื่องของการชาร์จรุ่นใหม่ใช้เวลาชาร์จอยู่ 2 ชั่วโมงจึงเต็มก้อน
ส่วนเรื่องน้ำหนักคือเรื่องที่คงไม่ต้องคิดแล้วเพราะรุ่น 2 น้ำหนักเบาลงกว่าเดิมคือ 485 กรัม
ขณะที่รุ่นเดิมหนักแค่ 501 กรัมเท่าก็จัดว่าหายไปหลายกรัมอยู่
ส่วนการรองรับการใช้งานโทรศัพท์หน้าจอใหญ่
ขนาดความความกว้างที่รองรับเขยิบขึ้นมาแค่ไม่กี่มิลลิเมตร
มุมมองด้านภาพก็มีการปรับใหม่คือรองรับการเก็บภาพแบบ Panorama
การ Zoom ที่ปรับใหม่ และใช้งานแบบ Timelapse
ใครที่เปนแฟนของ DJI เก็บเงินรอไว้ได้เลยแต่เนิ่นๆ
เพราะจะวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม ปี 2018 นี้ครับ