การท่าอากาศยานอู่ตะเภา และ AIS ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ขยายการพัฒนาอีกขั้นของ Smart Airport Terminal ร่วมศึกษาและทดลองใช้เทคโนโลยี 5G และ หุ่นยนต์ AI เพื่อยกระดับการให้บริการท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง – พัทยา ณ อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ให้เป็นอาคารผู้โดยสารอัจฉริยะ อีกทั้ง เพื่อเป็นโครงการต้นแบบในการร่วมพัฒนาอาคารผู้โดยสารในสนามบินที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ที่จะขยายขีดความสามารถในการให้บริการของท่าอากาศยาน พร้อมรับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การลงทุน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการขนส่ง ตามแผนเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC ภายใต้นโยบาย Thailand 4.0
การท่าอากาศยานอู่ตะเภา ให้ความไว้วางใจ ร่วมพัฒนาดิจิทัลโซลูชันส์ กับเอไอเอส สำหรับอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนกันยายน 2561 ในครั้งนี้ จึงเป็นการขยายความร่วมมือไปอีก ขั้น เพื่อเตรียมการรองรับเทคโนโลยี 5G ที่กำลังจะมาถึง โดยเอไอเอสในฐานะผู้นำด้านเทคโน โลยี มีศักยภาพทั้งด้านเครือข่ายความ เร็วสูง และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรองรับการทำโซลูชั่นส์ Smart Airport Terminal ร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อสร้างนวัตกรรมดิจิทัลที่ทั นสมัยล่าสุดให้กับภาคธุรกิจการบิ น
โดยขยายความร่วมมือในการนำเครือ ข่าย 5G มาศึกษาและทดลองทดสอบพัฒนาโซลูชั นส์ที่เหมาะสมกับภาคธุรกิจการบิ น และเสริมศักยภาพการบริหารจัดการ ภายในอาคารผู้โดยสาร และนำหุ่นยนต์อัจฉริยะ AI (Artificial Intelligence) มาช่วยในงานบริการผู้โดยสาร สามารถให้ข้อมูลพื้นฐาน รวมทั้งช่วยนำลูกค้าไปยังจุดให้ บริการต่างๆ ที่ต้องการ ในลักษณะของ Guide & Go และโต้ตอบกับผู้ใช้ได้แบบอินเทอ ร์แอคทีฟ มัลติมีเดีย
จากที่เคยเปิดให้บริการดิจิทัลใน 2 ส่วนหลักไปแล้ว ได้แก่
แอปพลิเคชัน Thailand Smart Airport บริการข้อมูลด้านการบินและสนามบิ นหลากหลายในแอปฯ เดียว
เทคโนโลยีระบบวิเคราะห์และประมว ลผลภาพวิดีโออัจฉริยะ ใช้เป็นระบบตรวจจับและรับรู้ใบห น้าบุคคลและสิ่งของในพื้นที่อาค ารสนามบิน, ตรวจจับวัตถุต้องสงสัย แจ้งเตือนกรณีมีวัตถุถูกวางทิ้ง ไว้เป็นเวลานานผิดปกติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านระบบรั กษาความปลอดภัย และการบริหารจัดการท่าอากาศยานข องกองทัพเรือไทย
พลเรือโท กฤชพล เรียงเล็กจำนงค์ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา กล่าวว่า
“รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญตลอดจนศักยภาพในทุกมิติของท่าอากาศยานอู่ตะเภา โดยสนับสนุนให้มีการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาพื้นที่สนามบินแห่งใหม่ในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก การท่าฯ จึงได้ร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญ ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามายกระดับการให้บริการและการบริหารอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ให้ทันสมัย ตอบสนองความต้องการของผู้โดยสาร เชื่อมโยงและสนับสนุนการเดินทาง การขนส่งทางอากาศ ให้เกิดความพร้อมสู่การเป็นสนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3 ของกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ และส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งการเชื่อมโยงผู้โดยสารกับสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และเป็น Aviation Hub หลักของภูมิภาคอีกด้วย”
ที่ผ่านมา การท่าฯ จึงได้ร่วมมือกับบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด บริษัทในเครือของเอไอเอส ในฐานะผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับ 1 และผู้นำด้านดิจิทัลของประเทศ พัฒนาบริการดิจิทัล ระบบคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสาร เพื่อให้บริการในพื้นที่อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 กระทั่งนำมาสู่การขยายความร่วมมือเพิ่มเติมในครั้งนี้ เพื่อต่อยอดการพัฒนาบนเทคโนโลยีใหม่อย่าง 5G ที่ก้าวหน้าและทันสมัยไปอีกขั้น”
นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร เอไอเอส กล่าวว่า
“วันนี้เอไอเอส ขอขอบพระคุณที่ได้รับความไว้วางใจจากการท่าอากาศยานอู่ตะเภาฯ ให้เราได้ร่วมพัฒนาโซลูชันส์ Smart Airport Terminal มาตั้งแต่ปี 2561 ได้เปิดให้บริการดิจิทัลไปแล้ว 2 ระบบดังกล่าว วันนี้เอไอเอสมีความพร้อมในการเป็นผู้ร่วมพัฒนาโซลูชัน Smart Airport Terminal ร่วมกับภาครัฐและพันธมิตร ด้วยศักยภาพความพร้อมด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และเครือข่าย 5G ที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงบุคลากรที่มีเชี่ยวชาญ ในอนาคตเมื่อ 5G มาถึง เราพร้อมรองรับการร่วมพัฒนาและต่อยอดดิจิทัลโซลูชันใหม่ๆ สำหรับธุรกิจสนามบิน โดยหวังว่าจะเป็นโครงการต้นแบบ 5G เพื่อภาคอุตสาหกรรมการบินต่อไป”