Review!

iPhone SE เปรียบเทียบ Samsung Galaxy A51 ซื้อเครื่องไหนดีนะ

 iPhone SE ปี 2020 และ Samsung Galaxy A51 คือโทรศัพท์ระดับ Mid Range ซึ่งเป็นตลาดที่มีตัวเล่นเด่นๆ เยอะอยู่ แต่นี่ก็คือคู่หลายคนจับตาดูเพื่อเปรียบว่าใครคุ้มค่ากว่า ใครพกของติดเครื่องมาเยอะกว่า เราจะมาเปรียบจุดไหนดี จุดไหนเด่น เน้นก็ไปเป็นเรื่องๆ ครับ

จอใครใหญ่กว่า .. ความบันเทิงเต็มตา ขนาดมาเต็มมือ

 iPhone SE เปรียบเทียบ  Galaxy A51

Galaxy A51 มากับจอขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดจอ  1080 x 2400 pixels และสัดส่วนของจออยู่ที่  20:9 
Phone SE 2020 มากับจอขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียดจอ 750 x 1334 pixels

พฤติกรรมใหม่ของผู้ใช้โทรศัพท์วันนี้ กับการใช้โทรศัพท์เราต้องการพื้นที่แสดงผลไว้ทำอะไรบ้าง

1. ดูภาพยนต์ ดูซีรี่ส์ หรือมีไว้ดูทีวีออนไลน์ 
ขนาดโทรทัศน์ที่บ้านการตัดสินใจซื้อยังเริ่มลากผ่านกันไปที่ 40 นิ้ว จอคอมพิวเตอร์เริ่มกันที่ 24 นิ้ว ฉะนั้นอย่าแปลกใจถ้าโทรศัพท์ก็จะอยู่ในลักษณะเดียวกัน


2. เล่นเกม  แล้วเกมใหม่ๆหลายเกมอัตราส่วนของการแสดงผล นี่รองรับที่ 16:9 ซึ่งเราจะภาพขยายเต็มตากว่า  และตัวเครื่องที่มีอัตราส่วนของจอที่ออกทางกว้าง การวางนิ้วจำทได้มากกว่า และยังเหลือเผื่อพื้นที่สำหรับการมองจอ

3. Social Media คุณใช้อะไรกันบ้าง Facebook ,Twitter ,Line ,Instagram  หรือ TikTok

สิ่งที่แอพเหล่านี้มีเหมือนๆ กันคือ การไหลของข้อมูลมหาศาลที่ผ่านนิ้วทันทีที่คุณกดเข้าไป

การเลื่อนอ่าน เลื่อนดูจอที่ใหญ่กว่าทำให้เข้าถึงข้อมูลได้มากกว่า เร็วกว่า และยังมือพื้นที่สำหรับกดารวางนิ้วเพื่อการกดแป้นพิมพ์ให้เร็ว

4. ชนิดของจอ ระหว่าง Super AMOLED กับ  IPS LCD

สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับประเภทจอคือ

IPS คือจอ LCD ที่พัฒนาขึ้นมามากกว่าจอ TFT LCD ดีขึ้นในเรื่องมุมการมองที่กว้างขึ้น ใช้พลังงานพลังงานไม่มาก  ความละเอียดสูง

AMOLED พัฒนาขึ้นมาจากเทคโนโลยี OLED ซึ่งดีกว่าดีกว่า LCD ในแง่องการสร้างสีขึ้นมาได้ดีกว่า ตอบสนองที่เร็วกว่า มุมการมองภาพที่กว้างขึ้น ให้แสงสว่างได้มากกว่า

จอทั้งสองแบบถ้าวัดเอาด้วยความรู้สึกจากการมอง ต่างก็ดีด้วยกันทั้งคู่ในแบบของตัวเองเพราะอายุในการพัฒนาก็ตีกรรเชียงมาไล่ๆ กันทั่งคู่ แต่ Super AMOLED จะให้เฉดสีได้กว้างกว่าจอ LCD ฉะนั้นอาจจะรู้สึกได้ว่า มันได้ความรู้สีสดใสและพึงระลึกไว้ก่อนว่า ความละเอียดของหน้าจอ ยิ่งเยอะเท่าไหร่ภาพที่ได้ก็ยิ่งคม

ยกนี้ใครชนะ :  เราให้ Galaxy A51 คือด้วยขนาดผู้หญิงถือได้ ผู้ชายก็ใส่กระเป๋ากางเกงกระเป๋าสะดวกดีมันไม่ได้เล็กจนเกินไป หรือไม่ได้ใหญ่จนพกยาก และจอขนาด 6.5 คือสามารถกวาดอ่านข้อมูลผ่านตาได้แบบไม่ต้องเพ่ง หรือหยิบมาแต่งภาพแบบไม่ต้องซูมเยอะจนเกินไป

 iPhone SE เปรียบเทียบ  Galaxy A51

ถ่ายรูปครบจบหลังกล้อง..สายเที่ยวต้องรู้

คำว่าซอฟท์แวร์ในการประมวลผลหลังกล้อง อันนี้ก็ต้องบอกว่า มันก็เป็นกันทุกรุ่นอยู่ที่ใครเก่งกว่าใคร แต่ภาพจะดีไม่ดี มันต้องมาจากฮาร์ดแวร์ก่อน สิ่งที่แตกต่างกันในช่วงระยะของเลนส์  และรูรับแสงที่แตกต่างกัน  ..ดูที่กล้องหลังก่อน

Galaxy A51  มากับกล้อง 4 เลนส์

  • กล้องหลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล 
  • กล้องอัลตร้าไวด์มุมมอง 123 องศา ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล 
  • กล้อง Macro  ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ถ่ายได้ใกล้สูงสุด 4 ซม. 
  • กล้อง Depth  ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

iPhone SE มากับกล้อง 1 เลนส์

  • 12 MP, f/1.8

ดูที่กล้องหน้าบ้าง

  • กล้องหน้่า Galaxy A51 ความละเอียด 32 ล้่านพิเซล, f/2.2, 26mm (wide)
  • กล้องหน้่า iPhone SE  ความละเอียด 7 ล้่านพิเซล, f/2.2
  •  
 iPhone SE เปรียบเทียบ  Galaxy A51

ยกนี้ใครชนะ :  เรายกให้ Galaxy A51  

กวาดสายตาดูอันนี้คือทิ้งกันเป็นทุ่งอยู่ คือ กล้องของ iPhone SE คือการนำอะไหล่ที่มีอยู่แล้วเอามาใส่ ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร เพราะ Galaxy A51 นี่ก็รับเทคโนโลยีจากรุ่นพี่เรือธงมาเช่นกัน

แต่ในขณะที่มาตรฐาน android วันนี้ความละเอียดของกล้องหน้าในตลาดเราว่ากันด้วยที่เลขสองหลัก นั่นยังไม่นับถึงความกว้างของเลนส์  ถ้าถ่ายตรงหน้าทั่วไปคงไม่เห็นความแตกต่างกันมาก  หากแต่ว่าคิดจะเริ่มเอาไปเที่ยว ไปถ่าย VLOG ที่ต้องอาศัยกล้องหน้า โทรศัพท์เครื่องที่ความละเอียดสูงกว่า มุมกล้องที่กว้างกว่าย่อมได้เปรียบ และเลือกเก็บมุมภาพออกมาได้หลากหลายกว่า

ตรงนี้ขึ้นอยู่กับว่า คุณให้น้ำหนักที่ตรงไหน อยากได้กล้องไปเที่ยวที่สามารถปรับได้หลากหลาย จำนวนกล้องมีมาให้ตามมมาตรฐานของ พ.ศ.นี้  ที่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 3 – 4 เลนส์สำหรับราคาโทรศัพท์หนึ่งหมื่นบาทขึ้นไป

กล้องเยอะกว่า ยังไงย่อมดีกว่า .. ถ้าคุณเน้นถ่ายภาพนิ่ง

ความสามารถในการถ่าย VDO .. โชว์ให้โลกรู้คุณคือ Vlogger

ถัดจากเรื่องกล้องหลังสำหรับถ่ายภาพนิ่งกันไปแล้ว ลองมาดูสเปคสำหรับการถ่ายวิดีโอกันดูบ้าง

  • Galaxy A51 สามารถถ่าย VDO ได้ที่  4K@30fps, 1080p@30/120fps
  • iPhone SE สามารถถ่าย VDO ได้ที่  4K@24/30/60fps, 1080p@30/60/120/240fps

Galaxy A51 ดีกว่าตรงที่เลนส์มีความหลากหลายในเรื่องของเลนส์กล้อง และโหมดในการถ่ายรูป

ขณะที่ iPhone SE นั้นทำได้ดีกว่าในเรื่องของความสามารถในการถ่ายวิดีโอ ที่มีตัวเลือกมากกว่าในเรื่องของ fps และสามารถถ่ายที่ fps ได้สูงกว่า ซึ่งดีในเรื่องการเก็บฟุตเทจในหลายๆ แบบ
โดยทั่วไปแล้ว การถ่าย VDO ลง Youtube  เราจะถ่ายกันที่ 1080p 30 หรือ 60 fps
และ 4K  จะถ้่ายกันที่ 30fps  ซึ่งสามารถทำได้แบบเดียวกันทั้งคู่

ในเรื่องของกันสั่นในการถ่ายวิดีโอ ทั้งคู่มีให้มาเช่นเดียวกัน
แต่ในส่วนของโหมดการถ่ายวิดีโอ  อันนี้ Galaxy A51 เฉือนเอาคะแนนไปมากกว่านิดๆ

เพราะโหมดการถ่ายวิดีโอนั้นให้มาเยอะกว่า ทั้ง Slow Motion  ,Super Slow-Mo และ Hyperlapse  ขณะที่ iPhone SE นั่นถ่ายได้ดี กรณีที่เน้นเอาฟุตเทจไปทำอย่างอื่น แต่ในตัวแอพของกล้องไม่มีตัวเลือกในการสร้างสรรค์มานัก ต้องอาศัยการทำงานผ่านแอพที่เป็น 3rd party

ยกนี้ใครชนะ : เรื่องนี้วัดกันค่อนข้างยากขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้อะไรบ่อยกว่าในชีวิตประจำวัน ถ้าคณเน้นถ่ายวิดีโอในชีวิตประจำวัน ถ่ายลง Facebook ,IG หรือว่า TikTok การตั้งค่าความละเอียดสูงๆ อาจจะจำเป็นน้อยกว่าความคิดสร้างสรรค์ 

หน่วยความจำภายใน .. มีพื้นที่เยอะเข้าไว้อุ่นใจกว่า

  • Galaxy A51 ความจุ 128 GB ราคา 10,490 บาท  + microSD Card ความจุ 128 GB   ราคา 479 บาท =  10,969 บาท
  • iPhone SE   ความจุ  256 GB  ราคา ฿ 20,900 ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้

เรื่องหน่วยความจำที่ติดเครื่องมา อันนี้มีทั้งที่ไม่สามารถเพิ่มได้ และซื้อมาเพิ่มเองได้ 128 / 256 นี่คือตัวเลขที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะถือกันในตอนนี้

ตัวเลือกของ microSD ที่เราอ้างอิงที่ 128 GB เพราะราคาต่อความจุนี่สมเหตุสมผล และที่เราอ้างอิงราคานั้นคือรุ่นที่อยู่ระดับกลางๆ ของตลาด


เราเลยลองเทียบราคากันดู ถ้ามีโจทย์ว่าถ้าจะเอาโทรศัพทืที่มีพื้นที่ความจุ 256 GB ต้องใช้เงินเท่าไหร่  แต่ที่น่าตกใจคือตอนกดเครื่องคิดเลข ส่วนต่างราคาหายไป 9,931 บาท ถ้าคิดแบบเอาเร็วๆ คือห่างกันเกือบ 1 หมื่นบาท!

ยกนี้ใครชนะ :  เราให้ Galaxy A51  เราเรียกสิ่งนี้ว่าจุดหนึ่งของการชี้เป็นชี้ตายก่อนจ่ายเงิน
คือ Galaxy A51 รวม microSD ที่ 128 GB  ถ้ามีงบสองหมื่นนิดๆ คุณสามารถซื้อ A51 ได้ถึง 2 เครื่อง  แต่งบสองหมื่นนิดๆ คุณสามารถซื้อ iPhone SE  256 GB ได้แค่เครื่องเดียว

ความจุแบตเตอรี่ เลือกเครื่องไหนดีที่อยู่ได้ทั้งวัน

  • Galaxy A51  ให้แบตเตอรี่ที่ความจุ 4,000 mAh 
  • iPhone SE  ให้แบตเตอรี่ที่ความจุ 1,821 mAh

เพราะแบตเตอรี่นี่คืออีกสิ่งที่ไม่สามารถใช้เงินซื้อมาเปลี่ยนได้ มองแบบไม่ต้องกดเครื่องคิดเลขให้วุ่นวาย ก็คงดูออกว่า Galaxy A51 ให้ความจุมาเยอะกว่ามาระดับครึ่งต่อครึ่ง  คือมากับแบตเตอรี่  4,000mAh  ใช้ได้นานสูงสุด 19 ชั่วโมงสำหรับการเล่นวิดีโอ  การที่มีแบตเตอรี่ในตัวที่เยอะกว่า ย่อมลดการพึ่งพาการเสียบ Power Bank  ซึ่งทำให้ความคล่องตัวในการพกพาลดไปอีก

ในส่วนของ Fast Charge ทั้งสองรุ่นรองรับเหมือนกัน  ส่วนนี้ iPhone SE ดูจะมีแต้มต่อ คือ รองรับ Fast charging ที่ 18W ขณะที่ Galaxy A51 รองรับที่ 15W ก็มีผลต่างกันเพียงเล็กน้อย

ยกนี้ใครชนะ :  ขึ้นอยู่กับเป้าที่เรามองว่า เราจะมองที่ความเร็วในการชาร์จ
หรือว่ามองที่อายุการใช้งานเพื่อที่จะใช้งานอยู่ในตลอดวัน

ถ้าเอาชาร์จไวกว่าช่วงสั้นๆ iPhone SE ทำได้ดีกว่า และมี Wireless Charge ซึ่งนั่นก็ดูล้ำดี

ถ้ามองกันแบบใช้ยาวๆ ทั้งวัน Galaxy A51 ดูใช้งานในชีวิตจริงได้ยาวนานมากกว่า
สำหรับคนที่คิดว่าการพกสมาร์ทโฟนไปไหนมาไหน ความคล่องตัวควรจะมาก่อนอันดับแรก

ระบบรักษาความปลอดภัย .. มั่นใจในความเป็นส่วนตัว

  • Galaxy A51 ใช้การปลดดล็อคด้วยลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
  • iPhone SE ใช้การปลดดล็อคด้วยลายนิ้วมือที่ปุ่มสัมผัส

ยกนี้ใครชนะ :  อันนี้อยู่ที่ความถนัดจริงๆ   คือการปลดล็อคทั้งสองแบบก็สามารถทำงานได้รวดเร็วทั้งคู่ เพียงแต่มันอยู่กันคนละยุค อย่างการสแกนใต้หน้าจอนี่ต้องขอบคุณเทคโนโลยีจอสมัยใหม่ ที่ทำให้เราสามารถฝังเซนเซอร์เอาไว้ที่ใต้หน้าจอ

เราคงอธิบายยากว่าแบบไหนนั้นดีกว่าแบบไหน แต่ก็ต้องยิงคำถามกลับว่า
โทรศัพท์หนึ่งหมื่นบาทขึ้นไปในยุคนี้ เหลืออยู่กี่รุ่นที่ยังใช้การสแกนลายนิ้วมือที่เป็นปุ่ม หรือร่องสัมผัสอยู่บ้าง .. แน่นอนทุกคนชอบของดี แต่ถ้าสินค้าเทคโนโลยี เราคิดว่าใครๆ ชอบของทันสมัยใช่มั้ย

สรุป iPhone SE เปรียบเทียบ  Galaxy A51 ซื้อเครื่องไหนดีนะ

เป็นการเทียบกันที่น่าสนุกอยู่ เพราะตำแหน่งทางการตลาดอยู่ในระดับ Mid Range ด้วยกันของรายใหญ่ที่อยู่ในระดับหัวแถวทั้งคู่

ถ้าคุณถือโทรศัพท์สองเครื่อง คุณอาจจะตัดสินใจได้ไม่ยากมากเพราะยังไงซะคุณคงมีโทรศัพท์ระดับเรือธงอยู่ในมืออยู่แล้ว 1 เครื่อง แต่คนที่จะซื้อโทรศัพท์ระดับ Mid Range เป็นเพียงเครื่องเดียวจะตัดสินใจยากที่สุด คำถามที่ผมเจอบ่อยมากคือ

“เครื่องไหนคุ้มค่ากว่า”  เรื่องความคุ้มค่าตรงนี้อยู่ที่ใจเรามอง จุดประสงค์ที่ต้องใช้ แต่ผมจะชี้จุดหลักที่อย่าลืมคือ “วงเงินที่ที่คุณสามารถจ่ายได้ต่อเดือน”   เพราะหลายคนซื้อผ่อนโดยเครื่องติดโปร โอเปอเรเตอร์ ก็ต้องคำนวณต่อเดืิอนด้วยว่าเครื่องไหนที่คุณสามารถจ่ายได้โดยเงินไม่ตึงมือ

“เครื่องไหนให้มาเยอะกว่า” เรื่องนี้ก็อยู่ที่โจทย์ของผู้ผลิตครับ
เครื่องนึงคือการนำชิ้นส่วนเดิมที่มี มาเพิ่มเติมบางอย่างเพื่ออุดตลาดตรงกลางแล้ววางขาย เครื่องนึงคือการนำเอาเทคโนโลยีจากรุ่นพี่เรือธงลงมาใส่ และวางขายในราคาที่เหมาะสม

อันนี้อยู่ที่ใจคุณเลือกแล้วครับ 🙂

jetboat

Jetboat is a Bangkok-based tech blogger and has more than ten years of blogger sence in Thailand Specializes in mobile application , tech industries , security ,gadget, mobile marketing ,social network.

Related Articles

Back to top button