แม้ว่าหลายคนจะเชื่อมโยง non-fungible tokens (NFT) กับรูปภาพดิจิทัลที่ขายเป็นสินทรัพย์ที่อยู่บนบล็อคเชน แต่ก็มีหมวดหมู่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย และที่เติบโตอย่างรวดเร็วอย่างมากอีกหนึงส่วนในอุตสาหกรรม NFT คือ NFT MUSIC หรือ NFT เพลง
NFT เพลงอาจดูเหมือนเป็นทางเลือกบนบล็อกเชนแบบการซื้อเพลงบน iTunes
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณซื้อเพลงบน iTunes นั่นเท่ากับว่าคุณได้ซื้อสิทธิ์ในการฟังเพลงนั้นเท่านั้น แต่ไม่มีการเป็นเจ้าของเนื้อหาบน iTunes คุณมีเพียงใบอนุญาตในการฟังสิ่งที่คุณเพิ่งจ่ายไป ในทางตรงกันข้าม NFT Music จะช่วยให้ทุกคนนอกจากสามารถฟังเพลง แต่ยังมอบสิทธิ์ความเป็นเจ้าของไฟล์นั้นผ่าน NFT
NFT เพลงอาจฟังดูขัดกับสัญชาตญาณแบแปลกๆ เออ..ทำไมต้องซื้อเพลงที่คุณฟังอยู่แล้ว?
คำตอบสำหรับคำถามนั้นเหมือนกับการซื้อ JPEG ที่ทุกคนสามารถคลิกขวาและบันทึกได้นั่นล่ะ
ตลาด หรือผู้คนค้นหาคุณค่าในการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่ไม่ซ้ำใคร และเป็นต้นฉบับที่พิสูจน์ได้
สำหรับบางคน คุณค่านั้นอาจมาจากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับศิลปินที่พวกเขาชอบ
สำหรับคนอื่นๆ อาจเป็นการเปิดเผยทางการเงินต่อศิลปินที่พวกเขาเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ
หากศิลปินประสบความสำเร็จ คุณค่าของเพลง NFT ที่พวกเขาลงทุนอาจเพิ่มขึ้น
NFT เพลงสามารถสร้างรายได้มหาศาลให้กับศิลปินบางคน ผู้สนับสนุน NFT เพลงหนึ่งอย่าง @Cooopahtroopa ได้ประมาณการว่า Haleek Maul แร็ปเปอร์ของ Bajan ทำเงินได้ $226,800 ในการขายเพลง NFT ในแคตตาล็อก
ในขณะที่รายได้ Spotify ต่อปีของเขาอยู่ที่ 178 ดอลลาร์
และเมื่อถูกถามเกี่ยวกับตัวเลขในทวีต Maul ยืนยันว่าเขาทำเงินได้ 81 ETH จากการขายเพลงในแคตตาล็อก 5 รายการ ซึ่งในขณะนั้นมีมูลค่ามากกว่า $250,000!
มีความเป็นไปเป็นไปได้มากมายสำหรับ NFT เพลงจะสามารถใช้เพื่อให้สิทธิ์เข้าถึงตั๋วคอนเสิร์ตลดราคา เข้าถึงพื้นที่พิเศษในคอนเสิร์ต หรือการพบปะกับศิลปิน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าศิลปินต้องการจัดโครงสร้าง NFT ที่พวกเขาออกสู่ตลาดอย่างไร อย่างที่เควิน เคลลี บรรณาธิการของ Wired โต้เถียงกันมานาน ศิลปินทุกคนต้องการแฟนตัวจริง 1,000 คนที่จะสนับสนุนพวกเขา และ NFT ก็ช่วยทำให้ภาพความคิดนั้นสำหรับโลกดิจิทัลมีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น
เว้นแต่จะระบุไว้เพลงในรูปแบบ NFT นั้นๆ ผู้ซื้อจะมีไมีสิทธิ์เกี่ยวข้องในค่าลิขสิทธิ์ หรือการอ้างสิทธิ์ในลิขสิทธิ์ เช่นเดียวกับ jpeg NFT ที่ไม่ได้ตั้งไว้โดยค่าเริ่มต้น แต่ยังมีส่วนยิบย่อยที่เพิ่มขึ้นของ NFTs เพลงที่เน้นค่าลิขสิทธิ์ที่เรา
ตลาดขายเพลง NFT
แม้ว่าตลาด NFT ที่ใหญ่ที่สุด OpenSea จะมีแค็ตตาล็อกเฉพาะสำหรับการขาย NFT เพลง แต่ศิลปินส่วนใหญ่ต้องการเปิดตัวในตลาดกลางที่ทำมาเฉพาะด้านเพลง
แค็ตตาล็อกเป็นตลาดหลักสำหรับ NFT เพลงแบบซิงเกิล ซึ่งเป็นหมวดหมู่ที่เรียกว่า 1/1 ในโลกของ NFT มันสร้างขึ้นบนโปรโตคอล Zora ซึ่งขับเคลื่อนตลาดคู่แข่งของ OpenSea ด้วยชื่อเดียวกัน ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 ศิลปินขาย NFTs เพลงมูลค่า 2 ล้านเหรียญไปแล้วในแค็ตตาล็อก
ศิลปินบางคนชอบที่จะออกเพลงแบบจำนวนจำกัด เช่น 10 NFTs สำหรับหนึ่งแทร็ก ตัวเลือกยอดนิยมคือ Sound.xyz โดยที่นักสะสมหรือผู้ค้าสามารถสร้างเวอร์ชันเพลง NFT ได้ NFT ที่เพิ่งสร้างใหม่เหล่านี้สามารถขายต่อในตลาดรองอย่าง OpenSea หรือ Rarible ได้ทันที
แพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่อนุญาตให้ศิลปินสร้าง 1/1s ได้แก่ Foundation, Arpeggi และ FormFunction
แพลตฟอร์มมีความเชี่ยวชาญในแนวเพลงต่างๆ Groovetime ให้บริการกับ NFT เพลงเต้นรำ และ HEAT เป็นอีกแพลตฟอร์มที่ยังไม่ได้เปิดตัว Beat Foundry ช่วยให้สามารถสร้างดนตรีที่สร้างสรรค์ ซึ่งเป็นประเภทที่เกี่ยวข้องกับการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และคอมพิวเตอร์
NFT Music DAOs
DAO หรือองค์กรอิสระที่กระจายอำนาจเป็นเหมือนสหกรณ์การลงทุนแบบเข้ารหัส
DAO บางแห่งเสนอเงินช่วยเหลือสำหรับศิลปิน NFT MusicFund แจกจ่ายการเป็นสมาชิกผ่าน NFT และผู้ถือโหวตในแต่ละเดือนเพื่อบริจาค ETH ให้กับนักดนตรีสามคนผ่านกองทุนชุมชน ศิลปินสามอันดับแรกได้รับ 0.6 ETH, 0.25 ETH และ 0.15 ETH ตามลำดับ นอกจากการรับเงินแล้ว ศิลปินยังได้รับการยอมรับอีกด้วย เช่น Bel ผู้ได้รับรางวัลทุนสนับสนุนรอบที่สองของ MusicFund ได้ออกซิงเกิ้ลในแคตตาล็อกต่อไป
แม้ว่าจะไม่ใช่ DAO แต่ผู้ให้เงินสนับสนุนเพลงรายอื่นใน crypto คือ Audius ซึ่งดำเนินการ Audio Grants
DAO อื่นๆ เน้นการลงทุน เช่น Noise DAO เริ่มต้นด้วยสมาชิกเริ่มต้น 65 รายที่รวมเข้าด้วยกันแล้ว 1,720 ETH ด้วยภารกิจในการบ่มเพาะศิลปิน NFT และลงทุนใน NFT ด้านดนตรี
นอกเหนือจากการลงทุนแล้ว บางคนชอบที่จะสนุกสนาน – Friend with Benefits ได้จัดปาร์ตี้ที่มีผู้จองเกินใน NFT.NYC ในเดือนมิถุนายน 2021 ซึ่งรวมถึงชุดดีเจโดย Caroline Polachek, Doss, Pussy Riot, Channel Tres และอื่นๆ
ค่าลิขสิทธิ์เพลงของ NFT
โดยปกติ NFT ของเพลงจะรับรองความเป็นเจ้าของแบบ on-chain ของโทเค็นที่เชื่อมโยงกับไฟล์เพลงเท่านั้น พวกเขาไม่ได้มอบสิทธิ์ใด ๆ เกินกว่านั้น – ไม่มีค่าลิขสิทธิ์ ที่สำคัญที่สุด
แต่ก็มีแพลตฟอร์มที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้น
Royal ช่วยศิลปินสร้าง NFT ที่มีค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งพวกเขาเรียกว่า Limited Digital Assets หรือ LDA ซึ่ง LDA อำนวยความสะดวกในการแบ่งปันรายได้จากค่าลิขสิทธิ์การสตรีมกับแฟนๆ ที่ถือ NFT ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 3LAU ได้สร้าง LDA แรกของแพลตฟอร์มกับเพลง Worst Case และงานศิลปะที่เกี่ยวข้อง ผู้ถือ NFT จะได้รับ 50% ในสิทธิ์การสตรีม
Opulous เป็นอีกแพลตฟอร์มหนึ่งที่พยายามรวมค่าลิขสิทธิ์เข้ากับ NFT ของเพลง ช่วยให้ผู้ถือโทเค็นสามารถรักษาส่วนแบ่งในลิขสิทธิ์เพลงผ่านข้อตกลงที่จัดตั้งขึ้นกับศิลปิน
แพลตฟอร์มนี้ยังมีฟีเจอร์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ อีกด้วย เช่น ศิลปินสามารถปล่อยเงินกู้ DeFi เทียบกับมูลค่าของค่าลิขสิทธิ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นในระยะเวลาหนึ่งปี นักลงทุน DeFi สามารถ stake สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อจัดหาเงินทุนและรับผลตอบแทนสูง แม้ว่าความเสี่ยงของ DeFi จะยังคงอยู่
