Huawei Band 8 น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของใครหลายๆ คน ที่เริ่มสนใจในการหามองหา Smart Band ตัวแรก ที่จะมาช่วยในการดูแลสุขภาพ วัดก้าวเดิน วัดคุณภาพการนอน ในราคาเบาๆ ธนบัตรสีเทาสองใบจ่ายไป แล้วได้เงินทอนกลับมา
มีอะไรใหม่ใน Huawei Band 8
สิ่งที่ได้รับการปรับปรุง รองรับการเล่นเพลง ,ชัตเตอร์ระยะไกล ,การเตือนความ (ข้อความ อีเมล แอปโซเชียล) , สภาพอากาศ, นำฬิกาปลุก , นาฬิกาจับเวลา, ตัวจับเวลา, ไฟฉาย, ค้นหาโทรศัพท์, ผู้ช่วยเสียง, รวมถึงการรตอบกลับอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ได้รับการปรับปรุง รองรับการเล่นเพลง ,ชัตเตอร์ระยะไกล ,การเตือนความ (ข้อความ อีเมล แอปโซเชียล) , สภาพอากาศ, นำฬิกาปลุก , นาฬิกาจับเวลา, ตัวจับเวลา, ไฟฉาย, ค้นหาโทรศัพท์, ผู้ช่วยเสียง, รวมถึงการรตอบกลับอย่างรวดเร็ว
สเปค Huawei Band 8
ขนาด และน้ำหนัก : 43.45 ×24.54 ×8.99 มม., ประมำณ14 กรัม
หน้าจอ : ขนาด 1.47 นิ้ว AMOLED, 194 x 368 พิกเซล
วัสดุ : Durable polymer materials
ระบบตรวจจับ : 6-axis inertial sensors (accelerometer, gyroscope, and compass) Optical heart rate sensor
ระดับการกันน้ำ : 5 ATM water-resistant
การเชื่อมต่อ : 2.4 GHz, BT5.0, BLE
ระบบที่รองรับ : Android 6.0 หรือสูงกว่า , iOS 9.0 หรือสูงกว่า
อายุแบตเตอรี่ : สูงสุด 14 วัน กรณีใช้งานทั่วไป
สี : Emerald Green Sakura Pink Mid-night Black Vibrant Orange
การจับคู่ Huawei Band 8 กับ iOS
- ดาวน์โหลดและติดตั้งแอป Huawei Health จำก App Store หากคุณทำการติดตั้งแล้ว
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รับการอัปเดตแล้ว - เปิดแอป Huawei Health ล็อกอินและทำตามคำแนะนำบนหน้ำจอเพื่อให้การอนุญาตที่จำเป็น
แก่แอป ไปที่ขีด 3 ปุ่มด้านบนแล้วเลือกสแกน - แตะจับคู่และแอปจะค้นหาอุปกรณ์บลูทูธที่พร้อมใช้งำนที่อยู่ใกล้เคียงโดยอัตโนมัตเมื่อพบนาฬิกาของคุณให้แตะที่ชื่อของนำฬิกาเพื่อการจับคู่
- เมื่อคำขอจับคู่แสดงบนหน้าจอนาฬิกาให้แตะเพื่อจับคู่นาฬิกา และโทรศัพท์ของคุณณ ยืนยันกำรจับคู่บนโทรศัพท์ของคุณเช่นกัน
แกะกล่องลอง Huawei Band 8
ในเรื่องของการออกแบบนั้น คือด้วยความเป็น Samrt Band น่ะ ที่ข้อมือออกจะเล็กๆ ก็อาจจะอยากได้ความบาง และน้ำหนักที่เบาหน่อย แล้วยิ่งใส่นอนด้วยนะอันนี้คือปัจจัยชี้วัดในการซื้อเลย
เขาเลยทำเรื่องนี้มาให้บางสมใจครับ คืออยู่ที่ 8.9 มิลลิเมตรเท่านั้น ก็คือในตลาดหาใครมาแข่งด้วยยากแล้วนะตอนนี้ที่จะบางขนาดนั้น แล้วน้ำหนักอยู่แค่ 14 กรัมแค่นั้นเอง .. นี่ยืนยันว่าตัวเองไม่ขี้เซานะ แต่ผมใส่นอนแล้วผมไม่รู้สึกว่ามันเกาะแล้วรู้สึกว่ามีอะไรมากวนในใจเวลานอนน่ะ
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ คือแบรนด์นี้ขึ้นชื่อว่าชาร์จหนนึงแล้ว อยู่กันยาวๆ อย่างรุ่นนี้ชารจ์เต็ม 100 % ใช้ ไปยาวนาน 2 สัปดาห์ ถ้าใช้ทั่วๆ ไปนะครับ เผื่อการแจ้งเตือน ดูเวลา จับการนอน
สิ่งที่ปรับมาใหม่คือ ชารจ์ได้เร็วขึ้น โดยชาร์จเต็ม 100% ใช้เวลา 45 นาที ก็เร็วขึ้นกว่ารุ่นเดิม 30% ก็เยอะนะ แต่ถ้ารีบจริงๆ แบบต้องวิ่งออกจากบ้านแล้ว เอาไปแตะชาร์จสัก 5 นาทีเท่านี้ก็ใช้งานได้ 2 วันสำหรับใช้งานทั่วไป
แต่จากที่ลองใช้เองสมมุตินะ เผื่อใครเดินเข้าร้านซื้อปุ๊บ โฟลดแอปกับจับคู่กับมือถือปั๊บ เอาเข้าฟติเนสเลยทำได้มั้ย ก็ตอบเลยว่า “ได้” เพราะผมก็ทำแบบนั้นแหล่ะ
ตัวเครื่องชาร์จไฟมาให้แล้ว 80% ผมลองทดสอบใส่ครั้งแรกแล้วไปออกกำลังแบบ Cardio ประมาณ 35 นาที แบตเตอรี่ลดไป 2% เองมั้ง ก็ถือว่าดีล่ะสำหรับการเริ่มออกกำลังสำหรับทั่วไป
สิ่งที่มันดีในราคาเท่านี้คือ AOD (Always ON Display) คือแค่พลิกข้อมือมาก็พร้อมจะทำงานละ ตรงนี้เราตั้งค่าเปิดปิดเองได้ครับ เผื่ออยากประหยัดพลังงานเพิ่มอีกนิด
และอีกอย่างที่ดีคือคือ การแสดงผล เวลาเราอยากดูอะไรง่ายๆ สั้นๆ วันนี้เดินแล้วกี่ก้าว ใช้พลังงานไปแล้วกี่แคลอรี่ ปาดๆไปเดี๋ยวก็เจอข้อมูลตัวเป้งๆแบบนี้
ในเรื่องของการออกกำลังการนั้น คือ ผมก็ยังพูดเหมือนจดิมล่ะ ถ้าเป็นสายวิ่งในร่ม ออกกำลังแบบฟิตเนสนี่คือเหมาะมาก แต่ถ้าอยากเล่นท่ายากกว่านั้น ตัวแบนด์มีรองรับ 100 โหมดสำหรับการออกกําลังกาย
– รองรับโหมดการออกกำลังกำย 100 โหมด ได้แก่ วิ่ง ปั่นจักรยำน ว่ายน้ำ และกระโดดเชือก
– รองรับโหมดการออกกำลังกาย 6 โหมด (ซึ่งสามารถระบุสถานะการวิ่ง วิ่งและกำรปั่นจักรยำนได้) และการหยุด และเริ่มต้นได้อัตโนมัติ
– โหมดการออกการออกกำลังกายที่เพิ่มเข้ำมาใหม่ อย่าง ฟุตบอล, บาสเกตบอล เทนนิสในร่ม และ eSports
จากที่ทดสอบเอง คือ เราเคยอาจจะเปรียบเทียบกับการเข้าถึงเมนูผ่านนาฬิกาที่จอใหญ่กว่า เข้าถึงได้ไวกว่า จริงๆ หัวเว่ยก็ผ่านการลองผิดลองถูกเรื่องนี้มาพอสมควร แน่นอนผมว่าเคยแอบบ่นในใจอยู่
พูดกันแบบไม่อวยนะ .. คือเราก็เคยปวดกัวกับการเข้าเมนูของเขาในยุคก่อนหน้ามาเหมือนกัน สำหรับอุปกรณNที่จอเล็กลงกว่านาฬิกาแบบนี้ แต่ในที่สุดก็เขาค่อยๆ ปรับมาจนเราสามารถเข้าด้วยด้วยการกด แล้วก็ปัดๆ เลื่อนๆ แบบง่ายๆ ซะที เวลาเราเหนื่อยๆ เราไม่อยากเข้าถึงอะไรยากๆ หรอกจิองมั้ย
ก็เป็นข้อพิจารณาอย่างนึงละกัน คือตลาด Smart Band มันมีตัวเลือกเรื่องการใส่เรื่องมาตรวัดกันเข้ามาเยอะ แต่สุดท้ายเราต้องดูด้วยอยู่ดี ว่ารายไหนออกแบบการเข้าถึงลึกๆ ได้ง่ายสำหรับเราก็เอาอันนั้นแหล่ะ
มาตรวัดมาตรฐานที่ใส่มาอย่างอัตราการเต้นหัวใจนั่นยังคงมีอยู่ครับ ก็ทำงานได้ตามค่ามาตรฐานสำหรับ Wearable ทั่วไป
การตรวจสอบ SpO2 (Blood Oxygen satuaration) ก็จะเก็บข้อมูลแบบอัตโนมัติให้ตลอดทั้งวันที่คุณสวมอยู่นะครับ
สิ่งนึงที่เราทดสอบแล้วความเข้ากันดีกับ iOS คือ “การควบคุมเพลง” นี่ล่ะ
คืออันนี้ไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม แค่เปิดเพลงใน Apple Music บน iPhone แล้วก็มาเปิดหน้าจอที่ Band ชื่อเพลงก็จะปรากฎ แล้วตัวปุ่ม Play หรือ Stop ก็ปรากฎขึ้นมาบนหน้าจอของนาฬิกาครับ เน้นการคุมแบบง่ายๆ มากกว่า แต่ที่ผมชอบคือมันตอบสนองเร็ว และไม่ร่วง ไม่ง่วงนี่แหล่ะ
คนที่ซื้อ Smart Band จำนวนมากคือ ซื้อมาตรวจจับเรื่องการนอนหลับนี่ล่ะ สิ่งที่เราชอบเรื่องแรกนอกจากจะน้ำนักเบาจนไม่รู้สึกสะดุ้งแล้ว ยังมีในเรื่องของ HUAWEI TruSleepTM 3.0 ที่ความแม่นยําในการติดตามการนอนหลับเพิ่มขึ้น 10%
รองรับการติดตามการ เคลื่อนไหวเล็กน้อย เช่น เผื่อเวลานอนหลับบนเครื่องบิน เผื่อเวลาแอบงีบ และรองรับการจัดการการนอนหลับอัจฉริยะ คือมีให้คะแนนหมดครับว่าการนอนเป็นการนอนที่มีคุณภาพเพียงพอมั้ย อย่างคนเราควรนอน 8 ชั่วโมง แล้วคุณนอนไปจริงๆ กี่ชั่วโมง หลับลึกนานแค่ไหน นอนหลับระดับธรรมดาแค่ไหน มีสะดุ้งตื่นนานแค่ไหน ตรงไหนจะถูกวัดและคำนวณออกมาหมดครับ อย่างผมเองเป็นคนหลับค่อนข้างลึกผลรวมเลยออกมาเกือบเต็ม
การแจ้งเตือนพวกอีเมล์ หรือ SMS มีหน่วงมีช้ามั้ย จากที่เราได้เครื่องทดสอบมา แน่นอนว่ามีการ Update Firmware บ้าง แต่เรื่องนี้ถือว่านิ่งครับ จับคู่กับ iPhone มายังไม่มีหลุด เชื่อมต่อกับซอฟท์แวร์ในเครื่องรับส่งข้อมูลเนียนๆ อยู่ คืออันนี้ถือว่าสำคัญนะเพราะถ้าฟีเจอร์ดีแต่เชื่อมต่อแล้วหลุดบ่อยคืออย่าไปซื้อ .. ส่วนการแสดงผลนี่รองรับภาษาไทยได้เรียบร้อยครับ สระไม่ลอย สระไม่เพี้ยน ใครโทรมานี่เห็นหมด แต่การสั่นเตือนนี่มีแบบเบาๆ ไม่ถึงกับเขย่าแขน
ถ้าอยากเปลี่ยนรูปหน้าจอของ Smart Band นั้นสามรถเปลี่ยนได้จากแอปของ Huawei นะครับ คือที่ติดมากับเครื่องจะมีอยู่ 8 แบบแต่ที่อยู่ในแอปนี่มีตัวเลือกเยอะมากคือหลักร้อยน่ะ ถือว่าเป็นของที่แบบดีและฟรี
ในเรื่องของการในการให้ข้อมูลเรื่องของการพยากรณ์อากาศ นั้นจะดึงข้อมูลล่วงหน้าจาก Smart Phone ขึ้นมาแสดงผลนะครับ คือตอนที่พิมพ์อยู่เริ่มมีฝนตกบางพื่นที่ การได้หน้าจอยาวๆ แล้วดึงข้อมูลออกมาเป็นแถวแบบนี้ทำให้วางแผนชีวิตได้สะดวกอยู๋เหมือนกัน
ซื้อดีมั้ย Huawei Band 8
ถ้ามี Huawei Band 7 อยู่แล้วแต่อยากได้เพิ่มเพราะชอบการออกแบบใหม่ อันนี้ก็ไม่น่ามีปัญหาเพราะราคามันก็ไม่ได้ทำร้ายเงินในกระเป๋ามากมายขนาดต้องฟูมฟายเสียดายเงินตอนซื้อ แต่ถ้าจะเทียบการปรับปรุงใหม่สำหรับการใช้งานทั่วไป เราเรียกว่าเป็นการปรับปรุงประจำปีมากกว่า
ถ้าจะมีข้อติงนิดเดียวคือนี่เป็น Smart Band ที่ค่อนข้างสู้ชีวิตแหล่ะ คือดูกลางแดดได้ประมาณนึง แต่ไม่ใช่แดดที่ 12 นาฬิกาเวลาประเทศไทย
ความคงทนนั้น คือกันน้ำ กันเหงื่อ กันความชื้นได้ แต่ถ้าจะผจญภัยไปใช้ Watch GT จะตรงสายกว่า แต่ถ้าใช้มองหาการเป็น Smart Band เส้นแรกของคุณเอาไว้ใส่สลับกับนาฬิกาอัจฉริยะที่คุณมีอยู่แล้วเวลาที่อยากได้อะไรเบาๆ มาไว้เข้ากับข้อคือ .. ผมก็ย้ำคำเดิมเหมือนทุกรุ่นนั่นล่ะว่า “พี่หัวกลัวจะมีคู่แข่งทางการตลาดเหรอ ฟาดทั้งฟีเจอร์ ทั้งราคาใส่ให้มาขนาดนี้ .. ใครที่ไหนจะไปสู้ได้”
ใครที่สนใจสามาถเข้าไปสั่งซื้อได้ที่นี่ครับ https://bit.ly/3Is84Wb
ขอบคุณ : Huawei Thailand ที่เอื้อเฟื้อในการทดสอบครับ