Bowers & Wilkins PX7 หูฟังจากบริษัทสัญชาติอังกฤษผู้มีชื่อเสียงอย่างยาวนานจากการสร้างลำโพงระดับไฮเอนด์ โดยนี่รุ่นที่มากับไดรเวอร์ขนาด 43.6 มม. ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดแล้วของแบรนด์นี้ ปรับแต่งโดยวิศวกรคนเดียวกันกับลำโพงซีรี่ส์ Diamond อย่าง Bowers & Wilkins 800 ที่ใช้ในสตูดิโอของ Abbey Road
ตอนแรกที่เราได้มาลองต้องมาปรับตัวเรื่องการบิดตัวหูฟังนิดหน่อย หรือด้วยองศาของ Ear Cup มันออกมาในทรงไข่ และแกนที่อยู่ด้านหลังจะมีองศาการบิดค่อนข้างจะตายตัว
ในแง่ของงานประกอบนั้น เราชอบตรงก้านขามาก คือเป็นวัสดุที่เราอาจจะไม่ได้สัมผัสกันเท่าไหร่คือเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ เราลองดึงขึ้นดึงลงก็พบว่ามันมีความเหนียว และแข็งแรงอยู่ในที ซึ่งเขาเคลมว่ามีความทนทานต่อการสึกหรอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน การเชื่อมต่อการชาร์จนั้นใช้เป็น USB Type C มากับ ช่อง 3.5 คือต้องบอกว่าหน้าตามันดูหรูหราสมราคาหมื่นบาทกลางๆ อยู่ คือประกอบด้วยไฟเบอร์ แผ่นด้านข้างเป็นผ้าออกแบบ และเลือกวัสดุมาอย่างตั้งใจให้ความรู้สึกของการเป็นรถแข่ง
การเชื่อมต่อ และควบคุมหูฟัง Bowers & Wilkins PX7
การเชื่อมต่อ และควบคุมหูฟังนั้น จะมีแอพบนสมาร์ทโฟนที่ชื่อว่า Bowers & Wilkins Headphones ซึ่งมีให้ดาวน์โหลดบน iOS และ Android ซึ่งจำเป็นต้อง
ติดตั้งลงโทรศัพท์ก่อนที่จะใช้งานนะครับ
ทันที่เปิดแอพ ทันที่เปิดสวิทช์หูฟัง รอแป๊บเดียวครับปล่อยให้แอพนั้่นจับคู่ฟังด้วยตัวเอง โดยในหัวข้อ connection จะบอกว่าจับกับโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว และแสดงระดับของแบตเตอรี่ที่เหลือ และอย่าลืมอัพเดท Firmware ให้เป็นตัวล่าสุดกันก่อนนะครับ
ในส่วนของคุณสมบัติพิเศษมีอยู่ 3 ส่วน คือ
- Noise Cancelation : ระบบจัดการในการตัดเสียงรบกวนภายนอก
- Ambient Pass-Through : ระบบเปิดรับฟังเสียงภายนอกที่เราสามรถควบคุมความดังได้เอง
- Standby timer : ตั้งค่าหน่วงเวลาให้อหูฟังอยุ่ในสถานะพร้อมใช้
ในส่วนของ Noise Cancellation นอกจากในแอพก็ยังมีปุ่มภายนอก โดยกด 1 ครั้งเพื่อเปลี่ยนโหมด 1 มี โดยมี 4 โหมด คือ
- Auto คือ ตัดเสียงรบกวนโดยระบบเลือกให้อัตโนมัติ
- High คือ ตัดเสียงรบกวนแบบขั้นสุด เช่น อยู่บนเครื่องบินเช่นระหว่างนั่งอยู่บนเครื่องบิน
- Low คือ ตัดเสียงรบกวนในระดับเริ่มต้น เช่น อยู่ในย่านเมือง
- Off คือ ปิดระบบตัดเสียงรบกวน เหมาะสำหรับใช้ฟังเพลงระหว่างการเดิน เพื่อให้ยังพอได้ยินเสียงรอบข้างอยู่ถ้ากดปุ่มนี้ค้าง 2 วินาทีเพื่อหยุดเพลงแล้วให้เสียงภายนอกเข้ามา
ถ้าเป็นมนุษย์ดิจิทัลที่ยังอยากสัมผัสความเป็นอนาล็อคอยู่บ้าง เช่น ปุ่มกดต่างๆ ที่ให้มาก็ถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่รองรับความต้องการพื้นฐานทั่วไปได้ดี ถ้าคุณไม่ได้สนพวก Assistance ของ Siri / Google ไม่สนใจระบบ Touch Control นั่นก็พอได้ เรื่องความไฺฮเทคอีกเล็กน้อยที่มีติดมาด้วยคือการติดตามเคลื่อนไหวของคุณ เมื่อยกหูฟังออกจากศรีษะก็หยุดการเล่นเพลงโดยอัตโนมัติ และเมื่อใส่กลับก็จะเล่นเพลงต่อ
ในแง่ของการเก็บไฟนั้นทางผู้ผลิตบอกว่าใช้ได้นานสูงสุด 30 ชั่วโมง โดยชาร์จแบตเตอรี่ครั้งเดียว และถ้าใช้การชาร์จเร็วเพียง 15 นาทีจะใช้ได้อีก 5 ชั่วโมง จากการทดสอบของเราจากที่เราลองฟังเพลง แล้วเปลี่ยนไปใช้คุยโทรศัพท์อยู่ 2 ชั่วโมง จากแบตเตอรี่ที่อยู่ 90% ลดลงมาเหลือ 63%
เราทดสอบการตัดลมจากเสียงไมค์ โดยตัวเรานั่งจ่อพัดลมอยู่ ปลายสายบอกว่าคุณการการคุยในภาพรวมจัดว่าดี มีอาการเสียงก้องบ้างในบางครั้ง
การคุยระยะทางไกลในการคุยเราทดสอบการคุยจากกลางบ้านเดินผ่านไปห้องครัวหลังบ้าน ถือว่าการเชื่อมต่อสัญญาณยังทำได้ดี ไม่มีหลุด แต่เมื่อออกทางไกลยังจะมีเสียงแกว่งๆ บ้างแค่เล็กน้อย แต่การลองใส่อยู่ 2 ชั่วโมงต่อเนื่องไม่รู้สึกว่ามันมีความล้าหรือว่าเจ็บหูเลย
แกะกล่องลองฟัง Bowers & Wilkins PX7
My Immortal – Evanescence
คือเราเลือกเพลงนี้ก่อน เพราะคิดว่าน่าจะดึงความเป็นผู้ดี จากเสียงอันโหยหวนของ Amy Lee กับแกรนด์เปียโนออกมาได้ ก่อนที่จะไปปะทะกับความเกรี้ยวกราดท้ายเพลง
อืม .. เราจับได้ถึง Sustain หลังจากเหยียบ Pedal ความก้องของแกรนด์เปียโนตัดขับกับ String ได้คมระดับหนึ่ง เพลงนี้ถ้าฟังเวอร์ piano จะเหมาะกว่า ขณะที่ลองกระโดดไปฟังเพลงเดียวกัน ในแบบ Band Version จากที่เสียงหวานปานเศร้าของ Amy Lee กำลังบาดเราอยู่นั้นเสียง Distrotion ยังคลุมเยอะไป มันไม่สาดแล้วประชากเราออกไปจากเพลงเท่าไหร่ คือกลองยังจมไปหน่อยในความรู้สึกของเรา
Motorcycle Emptiness – Manic Street Preachers
เราหยิบเพลงดังของสาย Brit Rock อย่าง Manic Street Preachers มาลอง เราอยากรู้ว่าความรู้สึกว่าเวลาฟังเพลง Brit Rock เท่ๆ จะเข้ากับหูฟังคู่นี้ได้แค่ไหนยังไง
อืม ..เรารู้สึกว่าฟังดูดีกว่าตอนฟัง Gothic Metal ฝั่งอเมริกันแบบรู้สึกได้!
คือให้ความรู้สึกจากแบบฟังลำโพงตั้งอยู่นิดๆ
เราชอบ Sound Stage ของหูเมื่อฟังฟังกับเพลงแนวนี้ คือมีความร็อคแบบผู้ดีอยู่ในน้ำเสียงออกมา คือกลองมันอาจจะไม่ได้ฟังแล้วสดมากขนาดลากหนังกลองออกมาเป็นแผ่น ยังมีความติดนุ่มนิดหน่อย แต่ภาพรวมก็ยังฟังแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ตที่คนอยู่น้อยๆ คือถ้าไม่อยากได้กลองเดือดมากก็โอเคอยู่
I Miss You – Incubus
เราไม่อยากจะเหมาว่าว่าหูฟังตัวนี้มันเหมาะแค่เพลงฝั่งอังกฤษ คือเราก็ลองกับ Blur , Oasis มันก็ฟังดีนะ ไหนจะเลือกลองฟังเพลงเท่ เลยขอต่ออีกเพลงแต่ข้ามไปฝั่งอเมริกันอีกรอบ คือเรายังติดอยู่ในใจกับการการฟังเพลงร็อคฝั่งของเจ้าหูฟังตัวนี้อยู่ เพลงนี้ต้นฉบับ Mix เสียงมาค่อนข้างดังเราเลยได้รายละเอียดที่ชัดเจนไปอีก
คือเราเริ่มจับความสดของเบส และจังหวะการกีตาร์แบบชัดได้ถึงความเป็นโลหะของสายได้ พร้อมกับเสียงเอ็ฟเฟ็คกีตาร์หนุบหนับๆ ด้านฟังชัดดี คือให้อารมณ์การดู Live ชัดมาก คืออาจะไม่ได้เหมาะกับร็อคสาดยับหูดับตับไม่ แต่ถ้าวงแบบน้อยชิ้นโปร่งๆ โล่งๆแบบนี้ฟังดูดีกว่า
The Phantom Of the Opera – Andrew Lloyd Webber Musicals
เรายังติดใจอยู่อีดนิดเลยหยิบปีศาจอุปรากรมาลองเสียหน่อย อืม..ต้องบอกก่อนว่า นี่คงไม่ใช่หูฟังแบบสายใส หรือคมแบบบาดจัด คือความโออ่าของปีศาจอุปรากรที่ได้ยิน ในการการเจราด้วยถ้อยความระหว่างกันของหญิงสาว กับชายอัปลักษณ์ใต้ถุนโรงละคร เสียงกลางยังไม่เด่นออกมาเท่าไหร่ ท่อนร้องมันไม่พุ่งมาอยู่หน้าเราคาดหวังเท่าไหร่นะ ทั้งที่ท่อนการลากขึ้นโน้ตสูงๆนั่นก็ด้วย แต่รูปแบบของเสียงมันออกจะโอบล้อมเรา นุ่มๆ มากว่าการกระชากเราให้ดิ่งลงไปในโลกอันมืดมิดของเสียงออร์แกน หรือดึงเสียงกลองมีความโอ่อ่าหรูหราอยู่ในทีที่แล่นผ่านออกหูมา
ซื้อดีมั้ยหูฟัง Bowers & Wilkins PX7
งานออกแบบคือสิ่งแรกที่เราชอบในหูฟังตัวนี้ ทุกอย่างเรียบ ดูดีมีความปราณีตในทุกส่วนตั้งแต่กล่อง จนถึงส่วนประกอบต่างๆ เอาจริงเสียงก็ตามหน้าตานั่นล่ะ ถ้าบอกว่าหูฟังกับคือซื้อนี่บอกบุคลิคชัดมาก ถ้าจะเอากระโชกโฮกฮาก ปาดลึก บาดใสให้ไปตัวอื่น นึกภาพผู้ชายแต่งตัวสะอาดสะอ้านใส่เชิ้ตขาว กางเกงสแลค ผมสั้นจัดทรงเรียบ รองเท้าขัดมัน คุณจะเห็นเขาบนรถยนต์สีดำมันแว๊บ และพบเขาคนนั้นแถวเกษรพลาซ่า นั่นล่ะลักษณะของหูฟังตัวนี้ เรียบๆ เข้าใจง่าย ไม่หวือหวา เพียงแต่ว่าอย่าพาเข้าไปในโลกของความตื่นเต้นเร้าใจ และต่อให้อยากทันสมัยก็จะมีความ Conservative อยู่นิดๆ
ขอบคุณ : synnex ที่เอื้อเฟื้อสินค้าในการทดสอบครับ
