JBL Quantum 800 หูฟังสายเกมมิ่งกับสโลแกน Sound IS Survival ถือว่าเป็นหูฟังรุ่นท็อปของค่ายนี้ ฃสิ่งที่น่าสนใจคือก็รองรับระบบเสียงแบบ Surround และ DTS โดยตัวหูฟังนั้นรองรับมาตรฐาน WiFi ที่ 2.4 Ghz รองรับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 5.0 มี ANCC หรือ Active Noise Cancelling มีระบบการจัดการกับเสียงที่เรียกว่า Voice โฟกัส
การเสียบหูฟังใช้ครั้งแรกนัดต้องมีการอัพเดทเฟิร์มแวร์ก่อนนะคือว่าคือเราต้องเตรียมตัวในการแกะทั้งดองเกิลและสาย USB Type C โดยโปรแกรมจะขึ้นคำแนะนำให้กับเราเองว่าเราควรจะเสียบดองเกิลควรจะเปิดปุ่ม Wireless หรือว่ากลัวจะเสียบหูฟังเข้ากับสาย USB Type C เมื่อไหร่ต้องใช้ความรู้ในเรื่องของการติดตั้งอยู่บ้าง แต่ก็มีคำแนะนำตลอดขอเพียงแต่ว่าให้เราทำตามขั้นตอนให้ถูกวิธีเท่านั้นเอง โดยตัวแอพพลิเคชั่นนั้นจะมีคำถามเมนูเป็นภาษาอังกฤษ ยังไม่มีภาษาไทย
ถ้าเราทำการยกขึ้นมาจะเป็นการปิดเสียงไมโครโฟน และอีกด้านของหูฟังก็จะเป็นการเปิดใช้งานบลูทูธและการเปิดใช้งาน power การเชื่อมต่อของหูฟังนั้น รองรับทั้งเสียบแจ็ค 3.5 และ Bluetooth ก็สามารถทำได้ด้วยเช่นเดียวกันในการใช้งานตัวสายสัญญาณที่มีการเชื่อมต่อระหว่างหูฟังนั้นเป็นสายผ้า และที่ตัวสายแจ็คนั้นก็มีปุ่มปรับวอลลุ่มและปุ่มเปิดปิดไมค์ ก็ถือว่าสะดวกดีสำหรับคนที่ไม่ถนัดมีการใช้มือปรับที่หูฟัง ในตัวกล่องนั้นยังมีของเล่นอีกชิ้นหนึ่งคือเป็น JBL Bluetooth Dongle สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อาจจะไม่ได้มี Bluetooth ในตัวก็ถือว่าให้มาพร้อมดี และมีสาย USB Type C ให้อีก 1 เส้น
สิ่งที่เราประทับใจในอีกเรื่องคือไมโครโฟน ซึ่่งสามารถใช้และปิดเสียงได้ง่ายมาก แค่ยกขึ้นลงแค่นั้น ส่วนการควยคุมการสนทนานั้นใช้การควบคุมแบบวงล้อซึ่งเป็นแบบกลไกที่ช่วยให้ผู้ใช้หูฟังสามารถคุยกับเกมเมอร์คนอื่น ๆ
ในส่วนของไมโครโฟนนั้นเราสามารถปรับแต่งความเบาดังเองได้โดยค่าหลักหลักก็จะมีอยู่ 2 ส่วนก็คือการปรับแบบแชท แล้วก็การปรับแบบที่ใช้ในเกมโดยทั่วไปแล้วจากที่เราทดสอบในการปรับค่าไมโดยการใช้ไมโครโฟนเพื่อบันทึกเพื่อ input เสียงเข้าคอมพิวเตอร์แบบปกติเราจะใช้แบบทำแบบการแชทมากกว่า เพราะว่าระบบเสียงที่เป็นการแชทจะเข้าไปสู่ระบบโดยตรงแล้วจะมีความแม่นยำของการจำแนกของเสียง
ซึ่งความดังเบาของเสียงไมโครโฟนนั้น เราสามารถปรับแต่งได้ที่ Application โดยจะมีการระดับความดังของเสียงที่มีการ input เข้ามา แล้วก็ด้วยความที่ว่าหูฟังตัวนี้มีระบบ AC หรือว่า Active Noise Cancelling คือทันทีที่เราใส่หูฟังนั้นทุกอย่างก็จะรอบข้างก็จะถูกดูดไปหมด แต่ถ้าเราต้องการได้ยินเสียงของรอบข้างบ้าน ปรับเลือกไปที่ Side Tone จะมีให้เราเลือก 4 ระดับ
รวมถึงการปรับความดังเบาของเสียงก็ใช้การเลื่อนหมุนแบบกลไกเช่นเดียวกันกัน ซึ่งมันก็ปรับได้รวดเร็วดีเพียงใช้นิ้วโป้งหมุนส่วนการปิดเสียงไมโครโฟนนั้นก็จะมีปุ่มที่ด้านข้างซ้ายของหูฟัง ในส่วนของการเร่งความดังของเสียงหรือว่า Volume ยังคงเป็นแบบอนาล็อกอยู่ก็คือใช้การหมุนซึ่งเราลองทดสอบแล้วว่าคือการหมุนเพราะจะทำให้เกิดความแม่นยำ ในแง่การตอบสนองต่อความเร็ว และตัวหูฟังนั้นการเชื่อมต่อพอร์ต USB Type C
การปรับแต่งด้วยซอฟทแวร์ JBL Quantum Engine
นอกจากเรื่องของการอัพเดทซอทฟ์แวร์ที่หูฟัง อ่านไม่ผิดหรอกครับ หูฟังเกมมิ่งนั่นก็มีการอัพเดทซอฟท์แวร์เช่นกัน แต่ด้วยตัวซอฟท์แวร์นั้นยังเป็นปรับแต่งความสามารถอื่นๆ จนถึงเรื่องของความสวยงามในการใช้
โดยสามารถดาวน์โหลดเพื่อติดตั้งได้ ที่นี่ ซึ่งในกล่องก็มีสายมาให้แบบ USB ทั้งการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth ซึ่งก็ไม่ยากเท่าไหร่ การสลับไปใช้เวลาที่ใช้แบบไร้สายก็เข้าไปที่ sound ของ Windows อันนี้ก็ไม่ยากเท่าไหร่เพราะมีการกำกับตามลำดับขั้นตอน
โดยปกติเราอาจจะไม่ได้อยากติดตั้งซอฟท์แวร์เท่าไหร่ โดยสามารถดาวน์โหลดเพื่อติดตั้งได้ ที่นี่ ซึ่งในกล่องก็มีสายมาให้แบบ USB ทั้งการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth ซึ่งก็ไม่ยากเท่าไหร่ การสลับไปใช้เวลาที่ใช้แบบไร้สายก็เข้าไปที่ sound ของ Windows อันนี้ก็ไม่ยากเท่าไหร่เ้พราะมีการกำกับตามลำดับขั้นตอน แต่สิ่งที่วุ่นวายใช่เล่นคือตอนที่ติดตั้ง Firmware ของหูฟังนี่ล่ะ ต้องสลับไปมากับเรื่องการเชื่อมต่ออยู่ประมาณนึง การเชื่อมต่อไร้สายนั่นก็วุ่นวายอีกระดับ คือถ้าเป็นเกมเมอร์สาย PC อาจจะไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่ถ้าเขยิยบมาจากสายเกดมมือถืออาจจะมีงงๆกันบ้าง
เมนูแรกอย่าง Equalizer ค่าโรงงานคือตั้วงค่ามาเป็น FLAT สำหรับการฟังเสียงแบบแบนราบ ไม่ได้เน้นที่ย่านใดเป็นพิเศษ โดยสามรถปรับได้ถึง 10 ย่านความถี่ ต่ำสุดที่ -12db และสูงสุด +12db
ก็อย่างคีย์บอร์ด หรือว่าเมาส์เกมมิ่ง ยังมีไฟ RGB ให้เล่นเป็นสีสันแล้วทำไม หูฟังเกมมิ่งจพมีแบบนั้นไม่ได้ โดยมีสีให้เลือกปรับแต่งถึง 16 ล้านสีการเปลี่ยนสี โดยสามารถปรับเรื่องของความเร็ว และเอฟเฟกต์แสงที่กำหนดเอง โดยสามารถปรับได้ทั้งที่โลโก้ และวงแหวนรอบข้าง และสามารถตั้งได้หลายแบบโดยเก็บไว้ใน User Profile ครับ
ในแง่ของการปรับแต่งเรื่องของสีนั้นก็ให้ความรู้สึกแบบเดียวกันกับเวลาที่คุณใช้คีย์บอร์ดที่เป็น RGB คือคุณสามารถผสมสีได้เองจากวงล้อสี หรือว่าจะกำหนดค่าสีแบบที่เป็น Code RGB
ตรงนี้อาจจะไม่ใช่สาระสำคัญเท่าไหร่สำหรับการใช้หูฟังแต่มันก็เป็นสีสันสำหรับคนที่ชอบปรับแต่งเพื่อที่จะมีความเป็นตัวของตัวเองหรือว่าอาจจะเป็นสีของทีมแข่ง
JBL Quantum Surround ระบบการจำลองเสียงรอบทิศทางแบบ 7.1 คือลำพังแค่การจำลองระบบเสียง 7.1 นั่นถือว่าดี แต่หลายเจ้านั้นก็มีเหมือนกัน แต่ที่ไปละเอียดขั้นกว่าคือ การลงรายละเอียดโดยวัดขนาดความกว้างของศรีษะ รวมถึงส่วนสูงของผู้ใช้ที่แตกต่างกัน
เพื่อที่จะคำนวณมิติของเสียงให้เหมาะสมกับผู้ใช้มากที่สุด
DTS Headphone:X version 2.0 มากับตัวซอฟท์แวร์สำหรับปรับแต่ง และเพิ่มขีดความสามรถของหูฟังด้วย DTS:X ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเสียงรอบทิศทางแบบ “object-based sound technology” หรือเทคโนโลยีระบบเสียงแบบอ้างอิงตำแหน่งวัตถุ
โดยมาตรฐานที่เขาวางไว้คือ การมอบประสบการณ์ด้านเสียงที่สมจริงให้กับหูฟัง แบบที่เราต่างคุ้นเคยกับเสียงแบบนั้นจากประสบการณ์ในโรงภาพยนตร์ จากนั้นจึงพัฒนาเพื่อใช้กับเพลง และเล่นเกม
จุดเด่นของเทคโนโลยีนี้ในโลกของเกมคือ การนำเสียงของเกมจากวัตถุ หรือการเคลื่อนไหวจากมุมต่างๆ แล้วนำมาสร้างขึ้นมาใหม่เป็นเสียง 3 มิติแบบที่จำลองวง่าเสียงนั้นอยู่รอบตัวผู้ใช้งาน ซึ่งจะแตกต่างเสียงสเตอริโอที่มีเพียงแค่เสียงจากด้านซ้าย และด้านขวา
เบื้องหลังการทำงานนั้นมาจาก AI ที่มีการคำนวณ 3D Audio Solution คือไม่ใช่แค่หูฟังเล่นเกมธรรมดาแต่ว่ามี AI ในการประมวลผลและมีในส่วนเรื่องของซอฟต์แวร์ที่ช่วยการทำงานทั้งการจัดการเรื่องของฟาเรเซอร์การจัดการเรื่องแสงระบบเสียง 3
รายชื่อเกมที่รองรับเทคโนโลยี DTS:X
Gears 5 ,Assassin’s Creed Origins ,Final Fantasy XV ,Call of Duty : WARZONE ,Call of Duty : MODERN WARFARE , FORZA Horizon 4 , Resident Evil 2 ซึ่งมีส่วนรายชื่อเกมอื่นๆ นั้น สามkรถเข้าไปติดตามได้ที่ https://www.dolby.com/experience/games/
ซื้อดีมั้ย JBL Quantum 800
สมศักดิ์ศรีความเป็นหู฿ฟังตัวท๊อปของค่ายนี้มั้ย ในแง่วัสดุหรือความใส่สบาย รวมถึง package อันนี้ดีแบบไม่มีที่ติ
รองรับกับการเชื่อมต่อเครื่องเล่นเกมแบบครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มเท่าที่เราจะนึกออกทั้ง PC ,Xbox ,Playstation ,Nintendo Switch ,เกมมือถือ หรือว่าแม้กระทั่ง VR
การโฟกัสของเสียงโฟกัสไมค์นั้นจัดอยู่ในขั้นที่ดี ถึงดีมากสำหรับการสื่อสาร ถึงฟองน้ำปลายไมค์จะหลุดง่ายมากไปหน่อย
โดยไมโครโฟนแยกของผู้เล่นออกจากเสียงพื้นหลังได้อย่างมีความชัดเจน ซึ่งดีสำหรับการสื่อสารภายในเกม ที่การเชื่อมต่อของหูฟังนั้นเป็นพอร์ตแบบ USB Type C ซึ่งเราคิดว่าภูเขาก็เลือกพอร์ตได้ตามยุคสมัยดี
เราลองทดสอบในการครอบหูฟังเราพบว่าน้ำหนักมันค่อนข้างจะเยอะ แต่ในทางกลับกัน เราแอบรู้สึกว่าสายของหูฟังเส้นมันค่อนข้างจะบางไปสักหน่อย บางทีเราก็รู้สึกว่าถ้าเขาทำได้เส้นหนากว่านี้น่าจะมีความคงทนมากกว่านี้
ในแง่การฟังเพลงนี่เป็นหูฟังสำหรับเล่นเกมที่รองรับการใช้งานกับ Hi-res Audio ด้วย เพียงแต่ว่าถ้าลองฟังแบบเดิมๆ ไม่ปรับอะไรอาจจะไม่ได้ยินเสียงในย่านต่ำเท่าไหร่
แต่สิ่งที่วุ่นวายใช่เล่นคือตอนที่ติดตั้ง Firmware ของหูฟังนี่ล่ะ ต้องสลับไปมากับเรื่องการเชื่อมต่ออยู่ประมาณนึง การเชื่อมต่อไร้สายนั่นก็วุ่นวายอีกระดับ คือถ้าเป็นเกมเมอร์สาย PC อาจจะไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่ถ้าเขยิยบมาจากสายเกมมือถืออาจจะมีงงๆ กันบ้างคุณ
แต่ในภาพรวมนั้นถ้าตัดความวุ่นวายออกไปบ้าง คงต้องบอกว่านี่คือหูฟังเกมมิ่งที่ JBL ใส่สิ่งที่สุดเท่าที่พวกเขาจะพอจะมีอยู่ในมือ
หูฟัง JBL Quantum 800 ราคา 8,590 บาท สั่งซื้อได้ที่ | JD Central