ศึก IPTV ในไทยกลับมาเดือดกันอีกครั้ง เมื่อค่ายทรูงักเอาของใหม่อย่างกล่อง TrueID TV ที่เป็น OS เป็น Android TV เตรียมวางขายายในตลาดในราครา 2,490 บาท
พอร์ตการเชื่อมต่อนั้นให้มาแบบมาตรฐานของกล่องแอนดรอยด์ทั่วไปอย่าง HDMI สำหรับเสียบต่อกับโทรทัศน์ มีLAN port สำหรับเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และเชืเชื่อมต่อกับเครือข่าย
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สายผ่าน Wi-Fi ที่ย่านความถี่ 2.4GHz / 5GHz
ช่อง USB Port สำหรับเสียบอุปกรณ์เสริมภายนอก ช่อง micro SD สำหรับหน่วยความจำภายนอก ช่องเสียบเอาท์พุทแบบ AV และ Optical เพื่อการรับฟังเสียงแบบดิจิทัล
ระบบปฏิบัติเป็น Android 8.0 ซึ่งก็ถือว่าใหม่เมื่อเทียบกับภาพรวมส่วนใหญ่ในตลาด
(ขณะที่เราเขียนก็พบว่ามีกล่องจีนใช้ Android 9 แล้ว)
รองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant
ซึ่งสามารถรับคำสังด้วยพูดสั่งจากรีโมทคอนโทรล โดย Google Assistant
บนแอนดรอยด์นี้รองรับภาษาไทยแล้ว
รวมถึงคุณสมบัติรองรับ Chromecast Build-in ในตัว
ปละติดตั้งแอปพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้จาก Google Play Store
และการที่ไม่ได้ล็อคกับการใช้อินเตอร์เน็ตค่ายใดค่ายหนึ่ง
ก็ถือว่าเป็นการปลดล็อค และวางตัวเองในฐานะผู้ให้บริการเนื้อหาที่สามรถอยู่ได้บนทุกเครือข่าย เราเองมองว่า นี่คือการปูพรมขยายฐานผู้ชม True Vision รวมถึงกล่องทรู ทีวีดาวเทียมที่เริ่มลดความนืยมลงไป โดยใช้ TrueID TV Account เป็นสะพานเชื่อมในการเข้าถึงเนื้อหา เพื่อรับชมช่องต่างๆ ตามสิทธิ์สมาชิก คือการสมัครรับชมเพิ่มจุดมีค่าบริการรายเดือนเพิ่มและยังมีค่าเช่ากล่องต่างหาก ซึ่งหลายคนเองมองก็ว่าคงไม่คุ้ม
คอนเทนต์ชูโรงสำหรับสายกีฬายังคงเน้นไปที่ฟุตบอลในลีคต่างๆ อย่าง พรีเมียร์ลีก, ลีก, เจลีค ซึ่งปรับให้เข้ากับการให้บริการในรูปแบบของ Video On Demand มากขึ้น
ในเรื่องของภาพยนต์นั้น คำถามแรกที่เราเจอคือมี Netflix แบบ Bundle มาในกล่องมั้ย
ซึ่งเราตอบแทนได้เลยว่า “ไม่มี” ซึ่งแน่นอนเหตุผลข้องหนึ่งคือเรื่องการตลาดนี่ล่ะ
แต่ทรูเลือกที่จะนำเสนอหนัง VDO ที่อยู่ใน TrueID TV ซึ่งเป็นแอปอยู่แล้วนั่นล่ะ โดยให้กล่องเป็นอีก 1 Channel ที่เพิ่มเข้ามา
ความใหม่ของหนัง และเรทราคาอยู่ในระดับที่ยอมรับได้
อย่างค่าเช่าอยู่ที่ 99 บาท โดยชำระผ่าน บัตรเครดิต เดบิตก็ได้ หรือทรูพอยท์แลกเอา
ก็ใกล้เคียงกับการให้บริการอย่าง Apple หรือ Google
แต่ความเยอะของหนังในระบบยังไม่ถึงกับดึงดูดให้หันมาซะทีเดียว
เพราะยังไม่มีหนังระดับ Block Buster ในระบบมากพอ และยังไม่มีภาพยนต์ในระดับ 4K
ส่วนที่เหลือคือเรื่อง สิทธิประโยชน์ ของผู้ใช้ TruePoint, การชำระเงินที่พ่วงทุกยอา่งเข้ามาอยู่ระบบนี้ แต่เราคิดว่าเข้าท่าคือจุดที่ออกมากลบจุดอ่อนของตัวเองที่ผ่านมาคือ การใช้ 1 บัญชีแล้วเปิดรับชมได้จาก 5 อุปกรณ์พร้อมๆ กัน
รวมถึง Exclusive Content ในรูปแบบของ Music Marketing
ที่ดึงพรเซนเตอร์อย่าง BNK48 มาเป็นแม่เหล็ก อย่างถ่ายทอดสดงานเลือกตั้ง
BNK 6 TH Senbatsu General Election การฉายคอนเสิร์ต BNK48 Space Mission ให้ชมแบบย้อนหลัง และเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์จาก BNK48
เปรียบเทียบกับกล่อง TrueID TV กับ Mi Box S
ถึง Xiaomi ในไทยจะยังไม่มีการนำสินค้ามาทำตลาดในไทยในตอนนี้
แต่ผู้บริโภคก็สามารถหาซื้อมาใมช้ได้ในรุ่นที่เป็น Global Rom ที่ราคาไล่เลี่ยกัน
มาลองดูสเปคฝั่ง Mi กันก่อน
GPU: Quad-core Mali-450
OS: Android
Video Output: HDMI 2.0
Bluetooth: Yes
Memory: 2G DDR3
Internal Storage: 8GB eMMC
Wireless: Yes
Ethernet: 1000M
OTA Update: Yes
System Upgrade: Yes
GOOGLE Cast: Yes
CPU: Cortex-A53 Quad-core 64bit
Color: Black
WiFi Connectivity: 802.11a/b/g/n/ac 2.4GHz/5GHz
Video Output: HDMI 2.0
Output Resolution: 4K (3840 x 2160)
ถ้าดูข้อเปรียบเทียบปัจจัยพื้นฐานในสิ่งที่ทำได้ ทั้งกล่อง TrueID TV กับกล่อง Mi Box S นั้นมาใกล้เคียงกัน อย่างเช่นการรังรับ WiFi 2.4GHz/5GHz การรองรับ Google Cast ที่ทำได้เหมือนๆกัน ขาดแต่รายละเอียดเชิงลึกอย่าง CPU GPU หรือว่า Memory
ซึ่งทางทรูไมได้มีระบุไว้ในเอกสารใบปลิวที่แจกหน้างาน จึงไม่สามารถเปรียบเทียบแบบจุดต่อจุดได้เท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ กล่อง Mi ดูมีภาษีมากกว่าในเรื่องการอัพเดทผ่าน OTA
กล่อง TrueID TV เคาะราคาขายมาที่ 2490 บาท
ส่วนกำหนดกำหนดการวางขายอย่างเป็นทางการ คือวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562
โดยมีการจำหน่ายผ่านร้าน True Shop ทั่วประเทศ
ความเห็นของเรา สินค้าคือตัวกล่องดูมีความน่าสนใจ ะปลดล็อคข้อจำกัดไปหลายอย่าง รวมถึงทรูเองก็มีลิขสิทธิ์คอนเทนต์ของตัวเอง ก็เป็นเรื่องมากพอที่จะกระตุ้นตลาด ipTV ให้มีการแข่งขันกันอย่างคึกคักมากขึ้นอีกนิด คือกล่องเหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปนั่นล่ะ เพราะผู้ใช้ที่ดูแลตัวเองได้ และมีความรู้มีโอกาสที่จะไปใช้กล่องอื่น ๆมากกว่า
แต่จากที่เราไปสังเกตุการณ์ในการโปรโมทรอบแรก เรามองว่าทรูทำได้ไม่น่าสนใจเอาเสียเลยคือเงียบมาก ซึ่งเราสอบถามทางฝั่งสื่อเทคโนโลยีเองแทบจะไม่มีใครได้ทราบข่าว ทั้งที่เป็นกระบอกเสียงไปยังผู้ใช้เทคโนโลยี IPTV มาตลอด
ขณะที่การจัดกิจกรรมโดยอิงสายไลฟ์สไตล์เน้นๆ นั้น เราเข้าไปดูแนวทางของกิจกรรม และพฤติกรรมของผู้เข้าร่วมยังเป็นการล่าของรางวัลอย่างบัตรคอนเสิร์ตมากกว่า
การที่จะเปลี่ยนคนเหล่านั้นให้มาเป็นลูกค้าที่มาใช้บริการ และเข้าในถึงตัวผลิตภัณฑ์ และกลุ่มคนที่สนใจในตัวโปรดักส์กลับกลายเป็นคนที่รู้ทีหลัง
เราเลยรู้สึกผิดหวังที่น่าจะเห็นการแข่งขันในตลาด IPTV ที่น่าสนุกกว่านี้
